แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า คำฟ้องอุทธรณ์เป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงาน และวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 จึงไม่รับอุทธรณ์
โจทก์เห็นว่า อุทธรณ์ที่ว่า การออกหนังสือเตือน ของนายประพนธ์ชาญวิทย์ ผู้จัดการฝ่ายผลิตของโจทก์ ถือว่าเป็นคำเตือนของนายจ้างที่ ชอบด้วยกฎหมาย และการที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัย ชี้ขาดคดีโดยรับฟังข้อเท็จจริงเฉพาะแต่คำสั่ง ของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์โดยมิได้ วินิจฉัยถึงพยานหลักฐานของโจทก์ เป็นการวินิจฉัย คดีขัดต่อวิธีพิจารณาคดีแรงงาน นั้น เป็นปัญหา ข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้ พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ทนายจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 36)
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ ที่ 33/2536 ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2536ที่วินิจฉัยให้โจทก์ รับนายมนัส โลหะ ผู้กล่าวหากลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่และอัตราค่าจ้างเดิม และจ่าย ค่าเสียหายให้ผู้กล่าวหาเป็นเงินเท่ากับค่าจ้าง ตั้งแต่วันที่ถูกเลิกจ้างจนถึงวันรับกลับเข้าทำงาน
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่ง ไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าว (อันดับ 32)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 34)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า นายมนัส โลหะ ผู้กล่าวหา มิได้ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของโจทก์ และมิได้กระทำผิด ซ้ำคำเตือนตลอดจนมิได้จงใจก่อความเสียหายแก่โจทก์ สาเหตุที่แท้จริงที่โจทก์เลิกจ้างผู้กล่าวหามาจาก ผู้กล่าวหาเป็นผู้แทนยื่นข้อเรียกร้อง เป็นผู้แทนในการเจรจา และเป็นผู้ก่อการจัดตั้ง สหภาพแรงงานในบริษัทโจทก์ ดังนั้นที่ คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์วินิจฉัยว่า การเลิกจ้าง ผู้กล่าวหาเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม จึงชอบด้วย กฎหมายที่โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลแรงงานกลาง รับฟังข้อเท็จจริงเฉพาะตามคำสั่งคณะกรรมการ แรงงานสัมพันธ์มิได้วินิจฉัยพยานหลักฐานของโจทก์ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะพยานหลักฐานของโจทก์ มีน้ำหนักน่าเชื่อถือฟังได้ตามฟ้อง เป็นการอุทธรณ์ ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลแรงงานกลาง ไม่รับผิดชอบแล้ว ยกคำร้อง