แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงไม่รับฎีกา
โจทก์เห็นว่า โจทก์ฎีกาว่า การที่นางทิพาพรอ้างว่าเป็นผู้มอบเงินให้นายเฉลิมซึ่งเป็นสามีไปรับเช็คแลกเงินสดจากจำเลยคือเช็คหมาย จ.2 เงินที่นางทิพาพรมอบให้นายเฉลิมจึงเป็นทรัพย์สินระหว่างสามีภริยา ต้องถือว่านายเฉลิมมีส่วนในการเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ เมื่อนายเฉลิมนำเช็คไปแลกเงินสดจากผู้อื่นจึงเป็นสิทธิที่จะกระทำได้โดยชอบเช่นกัน ฎีกาของโจทก์จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายโปรดมีคำสั่งรับฎีกาโจทก์เพื่อพิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้วโดยวิธีปิดหมาย(อันดับ 95 แผ่นที่ 3)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์มีมูล ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 88)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 94)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานโจทก์น่าสงสัยรับฟังไม่ได้โดยสนิทใจว่า จำเลยออกเช็คตามฟ้องเพื่อชำระหนี้และโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คนั้นโดยชอบ โจทก์ฎีกา อ้างว่าพยานหลักฐานโจทก์ฟังได้ว่า จำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้และโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์อันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ข้อที่ฎีกาว่าเงินที่นายเฉลิมผู้ทรงเช็คคนแรกมอบแก่จำเลยเพื่อแลกกับเช็คเป็นทรัพย์สินระหว่างนายเฉลิมกับนางทิพาพรพยานจำเลยซึ่งเป็นสามีภริยากัน นายเฉลิมจึงเป็นผู้ทรงเช็คคนแรกโดยชอบนั้นก็เป็นปัญหาข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบหรือไม่เท่านั้นหาใช่ปัญหาข้อกฎหมายไม่ ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง