คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 630/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์แต่งให้จำเลยเป็นทนายฟ้องคดีให้โจทก์จำเลยได้ดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้นเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีโจทก์ขอถอนจำเลยออกจากการเป็นทนายโดยจำเลยยินยอมโจทก์ตั้งทนายใหม่เป็นผู้ดำเนินคดีชั้นอุทธรณ์ต่อมา ดังนี้ หน้าที่ทนายความระหว่างจำเลยกับโจทก์เป็นอันสิ้นสุดลง แต่ในแง่ที่เกี่ยวกับศาลและคนอื่น จำเลยยังเป็นทนายของโจทก์อยู่ เพราะโจทก์จำเลยยังหาได้แจ้งถอนหรือเลิกการการแต่งตั้งไม่
การที่จำเลยเซ็นรับทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีซึ่งตนพ้นจากหน้าที่ทนายแล้ว มีผลเท่ากับจำเลยทำกิจการแทนโจทก์ โดยที่ตนไม่มีสิทธิที่จะกระทำการนั้นจำเลยต้องบอกกล่าวแก่โจทก์โดยเร็ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้แต่งให้จำเลยเป็นทนายฟ้องคดีให้โจทก์จำเลยได้ดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้น ผลที่สุดโจทก์แพ้คดี โจทก์อุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์ส่งคำพิพากษาให้ศาลชั้นต้นอ่านโจทก์ไม่ได้รับทราบนัด จำเลยลงชื่อ ฟังคำพิพากษาแล้วไม่แจ้งให้โจทก์ทราบ ทอดทิ้งคดีไว้จนขาดอายุฎีกาทำให้เสื่อมเสียประโยชน์ของโจทก์ จึงฟ้องเรียกค่าเสียหาย 10,000 บาท กับดอกเบี้ย

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ควรจะได้ทราบวันนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ก่อนกำหนดอ่านและเมื่ออ่านแล้วจำเลยได้พยายามแจ้งให้โจทก์และทนายโจทก์คนใหม่ทราบก่อนครบกำหนดอายุความฎีกาจำเลยได้ทำหน้าที่ตัวแทนของโจทก์ตามสมควรแก่หน้าที่แล้วพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ในคดีก่อนเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์แพ้คดี โจทก์ได้ขอสำนวนคืนจากจำเลย จำเลยมอบให้แล้วโดยโจทก์ขอถอนจำเลยออกจากการเป็นทนาย และจำเลยยินยอม โจทก์นำสำนวนไปมอบให้ทนายอีกคนเป็นผู้ดำเนินคดีชั้นอุทธรณ์ ดังนี้ความสัมพันธ์ในระหว่างโจทก์ซึ่งเป็นตัวความและจำเลยซึ่งเป็นทนายความก็เป็นอันสิ้นสุดลง แต่ในแง่ที่เกี่ยวกับศาลและคนอื่น จำเลยยังเป็นทนายความของโจทก์อยู่ เพราะโจทก์ก็ดี จำเลยก็ดี ยังหาได้แจ้งถอนหรือเลิกการแต่งตั้งอันได้กระทำไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 61 ไม่ การที่ศาลให้จำเลยทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงไม่เป็นการผิดประการใด แต่เมื่อได้รับทราบแทนโจทก์เช่นนี้แล้วจำเลยก็ต้องบอกกล่าวแก่โจทก์โดยเร็ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 395 และ มาตรา 399 ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้ ชอบแล้ว

ที่โจทก์ฎีกาว่า แม้จะวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นการจัดการนอกสั่ง ก็เป็นการจัดการไปโดยขัดกับความประสงค์ของโจทก์นั้น คดีได้ความว่า จำเลยได้เรียนต่อศาลว่า โจทก์ได้ขอสำนวนคืนไป และจำเลยไม่ได้ทำอุทธรณ์แต่ศาลเห็นว่าใบแต่งทนายยังอยู่จึงให้จำเลยเซ็นรับทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เห็นได้ว่าจำเลยกระทำไปโดยเคารพไม่กล้าขัดคำสั่งศาล ไม่ใช่จำเลยกระทำไปโดยรู้สึกว่าจะเป็นการขัดกับความประสงค์ของโจทก์แต่อย่างใด คดีไม่เข้าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 396

รวมความ ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยเซ็นรับทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีก่อนแล้ว จำเลยมิได้นิ่งนอนใจ ได้แจ้งผลคำพิพากษาให้โจทก์ทราบและยังได้บอกทนายใหม่ของโจทก์ให้ทราบด้วยภายในอายุความฎีกา จำเลยได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนโดยสมควร ไม่ควรต้องรับผิด

พิพากษายืน

Share