คำสั่งคำร้องที่ 1713/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 จึงไม่รับฎีกาโจทก์
โจทก์เห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 ต่อโจทก์และบุคคลอื่น ๆตลอดมาโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายหากโจทก์ไม่ฎีกา จำเลยก็จะกระทำความผิดต่อไปอีก ฎีกาของโจทก์แม้เป็นข้อเท็จจริงก็ไม่น่าจะเป็นการต้องห้ามแต่อย่างใด โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ด้วย
หมายเหตุ จำเลยแถลงคัดค้าน (อันดับ 43)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูลให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จำคุก1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 36)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 39)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือน จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยเต็มตามจำนวน ไม่สมควรลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 นั้น เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการกำหนดโทษซึ่งเป็นข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว ให้ยกคำร้อง

Share