แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา มีทางชนะคดี โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ ทนายผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 135 แผ่นที่ 5)
กรณีเป็นชั้นบังคับคดี
สืบเนื่องจากโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดสิทธิการเช่าใช้และเครื่องรับโทรศัพท์หมายเลข 5112956 ที่บ้านเลขที่ 7/340 และสิทธิการเช่าใช้และเครื่องรับโทรศัพท์หมายเลข 5110960 ที่บ้านเลขที่ 7/343 ซอยอุ่นอนุสรณ์ ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงลาดยาวเขตบางเขน กรุงเทพมหานคร โดยอ้างว่าเป็นของจำเลยที่ 1 เพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษา นายเรวัตรมาศฉมาดลและนายอัมพรกาญจนศิริวรรณ ต่างยื่นคำร้องต่อศาลว่าสิทธิการเช่าใช้และเครื่องรับโทรศัพท์ดังกล่าวที่โจทก์นำยึดมิได้เป็นสิทธิและทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 แต่เป็นสิทธิและทรัพย์สินของผู้ร้องแต่ละคนตามลำดับ โดยจำเลยที่ 1 ได้โอนขายสิทธิและเครื่องรับโทรศัพท์ดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องแต่ละคนในราคา 9,500 บาท และผู้ร้องแต่ละคนต่างได้ครอบครองเป็นเจ้าของสิทธิการเช่าใช้และครอบครองเครื่องรับโทรศัพท์ดังกล่าวโดยสงบ เปิดเผย และด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมาเกินกว่า 5 ปีแล้ว สิทธิการเช่าใช้และเครื่องรับโทรศัพท์หมายเลขดังกล่าวจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องแต่ละคนโดยชอบด้วยกฎหมายทั้งโดยนิติกรรมและโดยผลของกฎหมาย ขอให้ปล่อยทรัพย์สินดังกล่าวคืนให้ผู้ร้องแต่ละคน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รวมพิจารณาคดีของผู้ร้องทั้งสองนี้กับคดีที่นายพิชัยตั้งวิบูลย์ผล ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์สินอื่นในคดีเดียวกันนี้ โดยเรียกนายเรวัตรมาศฉมาดล ว่า ผู้ร้องที่ 1 นายอัมพรกาญจนศิริวรรณว่าผู้ร้องที่2และนายพิชัย ตั้งวิบูลย์ผล ว่า ผู้ร้องที่ 3
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งถอนการยึดทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์จำเลยที่ 1 ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2524 ของเจ้าพนักงานบังคับคดี อันดับที่ 2 และอันดับที่ 4
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 134,133)
คำสั่ง
คำร้องของโจทก์พอแปลได้ว่า โจทก์ประสงค์จะให้งดการถอนการยึดทรัพย์พิพาทไว้ก่อน อันเป็นการขอให้สั่งคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264พิเคราะห์แล้ว ไม่สมควรให้งดการถอนการยึดทรัพย์พิพาทไว้ในระหว่างฎีกา ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ