แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยขอให้ศาลปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกา โดยผู้ขอประกันขอวางเงินสด 500,000 บาทเป็นหลักประกัน
หมายเหตุ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4,7,8,15,16,17,65,66,68,69,102 ฯลฯ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,90,91 ความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและความผิดฐานพยายามส่งเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามมาตรา 66 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด ให้จำคุกตลอดชีวิตความผิดฐานมีมอร์ฟีนไว้ในครอบครองและความผิดฐานพยายามส่งมอร์ฟีนออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานมีมอร์ฟีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามมาตรา 69วรรคสี่ ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด ให้จำคุก 10 ปี ความผิดฐานมีโคเคอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และความผิดฐานพยายามส่งโคเคอีนออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานมีโคเคอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามมาตรา 69 วรรค 2 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด ให้จำคุก 5 ปีแต่เมื่อวางโทษจำคุกตลอดชีวิตจำเลยในกระทงแรกแล้ว ก็ไม่อาจนำโทษจำคุกในกระทงอื่นมารวมได้อีก จึงให้ลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิต ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ แต่ให้ขังจำเลยไว้ในระหว่างฎีกา ฯลฯ
โจทก์ฎีกา และจำเลยยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 57)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ตามพฤติการณ์แห่งคดี ไม่มีเหตุสมควรจะปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกา จึงไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง