แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาของจำเลย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219ไม่รับฎีกาของจำเลย จำเลยเห็นว่า ข้อเท็จจริงในคำฟ้องและข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบแตกต่างกันในสาระสำคัญ คำพิพากษาของศาลจึงเกินคำขอหรือมิได้กล่าวในคำฟ้อง และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เนื่องจากยังไม่ได้มีการร้องทุกข์และสอบสวนในความผิด ฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรเป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่ง รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 83) ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 ลงโทษจำคุก 2 ปี คดีที่ศาลลงโทษจำเลย ฐานรับของโจร เมื่อผู้เสียหายได้รับของกลางจากการ กระทำความผิดฐานรับของโจรคืนไปแล้ว โจทก์จึงไม่อาจขอให้ จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนจากความผิด ฐานลักทรัพย์เป็นเงิน 245,000 บาท แก่ผู้เสียหายอีก จึงให้ยกคำร้องของ โจทก์ในส่วนนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 77) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 83)
คำสั่ง คดีนี้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 2 ปี คู่ความย่อมต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218วรรคหนึ่ง ฎีกาของจำเลยที่อ้างว่าเป็นข้อกฎหมาย พิเคราะห์แล้วล้วนเป็นข้อเท็จจริงทั้งสิ้น จึงต้องห้ามฎีกาตามบทบัญญัติ ดังกล่าว ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง