คำสั่งคำร้องที่ 1669/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

กรณีที่ศาลชั้นต้นปฏิเสธที่จะส่งสำนวนไปให้ผู้พิพากษาผู้นั่งพิจารณาในศาลชั้นต้นรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจำเลยชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์ อย่างไรก็ตามเพื่อให้กระบวนพิจารณาเป็นไปโดยรวดเร็ว เมื่อความปรากฏแก่ศาลฎีกาแล้วศาลฎีกาเห็นสมควรที่จะสั่งคำร้องของจำเลยไปทีเดียว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคท้ายที่แก้ไขใหม่ การขอให้ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์รับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาได้ ให้ผู้ฎีกายื่นคำร้องถึงผู้พิพากษานั้นพร้อมกับคำร้องฎีกา จำเลยยื่นคำร้องเข้ามาภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย จึงเป็นการยื่นคำร้องขัดต่อบทบัญญัติมาตราดังกล่าว

ย่อยาว

ความว่า จำเลยยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยยื่นคำร้องขอให้รับรองฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงหลังจากพ้นอายุฎีกาแล้ว แม้ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนจะได้รับรองให้ฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงได้ ก็ไม่อาจรับฎีกาของจำเลย กรณีไม่จำต้องส่งคำร้องนี้ให้ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนพิจารณาสั่ง จึงยกคำร้อง

จำเลยเห็นว่า จำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ 4 มีนาคม 2535 ขอขยายเวลายื่นฎีกาศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ขยายเวลายื่นฎีกาออกไปมีกำหนด 7 วัน ซึ่งจะครบกำหนดยื่นฎีกาในวันที่ 12 มีนาคม 2535 การที่จำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ 11 มีนาคม 2535 ขอให้ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงอยู่ภายในกำหนดอายุฎีกา และฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงของจำเลยเป็นสาระสำคัญมีผลแพ้ชนะในคดี โปรดมีคำสั่งให้ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนรับรองฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง

หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 100 แผ่นที่ 2)

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับ (อันดับ 84)

จำเลยยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 88)

จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 91)

คำสั่ง

พิเคราะห์แล้ว ที่ศาลชั้นต้นปฏิเสธที่จะส่งสำนวนไปให้ผู้พิพากษาผู้นั่งพิจารณาในศาลชั้นต้นรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จำเลยชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์ อย่างไรก็ตามเพื่อให้กระบวนพิจารณาเป็นไปโดยรวดเร็ว เมื่อความปรากฏแก่ศาลฎีกาแล้ว สมควรที่จะสั่งคำร้องของจำเลยไปทีเดียว

ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคท้ายที่แก้ไขใหม่ การขอให้ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์รับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาได้ ให้ผู้ฎีกายื่นคำร้องถึงผู้พิพากษานั้น พร้อมกับคำฟ้องฎีกา จำเลยยื่นคำร้องเข้ามาภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย จึงเป็นการยื่นคำร้องขัดต่อบทบัญญัติมาตราดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องชอบแล้วให้ยกคำร้อง

Share