คำสั่งคำร้องที่ 1635/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยฎีกาโต้เถียงการใช้ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงอันต้องห้ามมิให้ฎีกา จึงไม่รับ
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าเอกสารหมาย จ.6 คือทะเบียนบ้านนั้น นายประสิทธิ์ เรืองรอง เป็นผู้นำเอาไปกรอกข้อความลง อันเป็นการฝ่าฝืนเจตนาที่แท้จริงของจำเลยจำเลยจึงไม่ควรรับผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 132)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137,267 ลงโทษตามมาตรา 267 ซึ่งเป็นบทหนัก การกระทำของจำเลยเป็นสองกรรมให้เรียงกระทงลงโทษ จำคุกกระทงละ 1 ปีรวมจำคุก 2 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นจึงไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 129)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 130)

คำสั่ง
คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ลงโทษจำคุกจำเลยเป็นสองกรรมให้เรียงกระทงลงโทษ จำคุกกระทงละ 1 ปีรวมจำคุก 2 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ฎีกาของจำเลยที่ว่าเอกสารหมาย จ.6 นายประสิทธิ์ เรืองรอง นำไปกรอกข้อความฝ่าฝืนเจตนาของจำเลย จำเลยไม่ต้องรับผิดนั้น เป็นการโต้เถียงดุลพินิจการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ย่อมต้องห้ามฎีกาโดยบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้นศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share