คำสั่งคำร้องที่ 1618/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์โจทก์อุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น คำสั่งดังกล่าวจึงถึงที่สุด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 ทวิ จึงไม่รับฎีกา
โจทก์เห็นว่า โจทก์ฎีกาว่าคำพิพากษาและคำสั่ง ศาลชั้นต้นและคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยนอกประเด็น และขัดต่อกฎหมาย อุทธรณ์ของโจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 170 อีกทั้งขั้นไต่สวนมูลฟ้อง ถ้าศาลมีคำสั่งยกฟ้อง โดยไม่ใช้รูปคำพิพากษา อุทธรณ์ของโจทก์ก็ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ ข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวง และวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง มาตรา 22 แต่อย่างใด โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 37)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า อุทธรณ์โจทก์เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวง และวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22 จึงไม่รับอุทธรณ์โจทก์
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นการโต้แย้งในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ชอบแล้วยกคำร้อง
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 33)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 36)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ล้วนแต่โต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นรับฟังทั้งสิ้น หาใช่โต้แย้งในข้อกฎหมาย แต่ประการใดไม่ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์และ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้น คำสั่งของศาลอุทธรณ์จึงเป็นที่สุดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 ทวิ โจทก์จะฎีกาอีกมิได้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share