แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4ประกอบกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ซึ่งห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น จึงต้องห้าม ไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า จำเลยได้ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการตีความพยานเอกสารหมาย จ.1 และ จ.2 ว่าเป็นพยานหลักฐานที่จะฟังว่าจำเลยทำผิดตามฟ้องหรือไม่ และคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้จากการรอการลงโทษมาเป็นไม่รอการลงโทษอันเป็นการแก้ไขมาก จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4,5,6,10,12,15 ฯลฯ จำคุก 6 เดือนและปรับ 5,000 บาท จำเลยไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 2 ปี ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 12(1) ฯลฯ กำหนดโทษเป็นไปตามศาลชั้นต้นโดยไม่รอการลงโทษและไม่ปรับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 127)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 128)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว จำเลยฎีกาคัดค้านดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกานั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง