แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
นายจ้างมีอำนาจที่จะกำหนดเงื่อนไขหรือหลักเกณฑ์ในการจ่ายรางวัลพิเศษให้แก่ลูกจ้าง เป็นอย่างไรก็ได้ จำเลยออกประกาศกำหนดการให้รางวัลพิเศษเพิ่มแก่พนักงานว่าเพื่อตอบแทนในความร่วมมือของพนักงานที่ทำ ให้ประสบความสำเร็จ บริษัทฯ จึงเพิ่มรางวัลพิเศษให้แก่พนักงานเท่ากับ 0.8 เท่าของเงินเดือน โดยจะจ่ายให้ด้วยการโอนเข้าบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ของพนักงานในวันที่ 31 พฤษภาคม 2531 มีความหมายว่า จำเลยจะจ่ายรางวัลพิเศษเพิ่มให้แก่ผู้ที่ยังเป็นพนักงานของจำเลยอยู่ในวันที่จำเลยใช้ประกาศดังกล่าวเท่านั้น และประกาศนี้ไม่ได้กำหนดให้มีผลถึงพนักงานที่ออกจากงานไปก่อนแล้วหรือใช้บังคับย้อนหลังไปถึงปี 2530 แม้จำเลยจะพิจารณาจ่ายรางวัลพิเศษเพิ่มจากผลงานในรอบปี 2530 ก็ไม่ทำให้โจทก์ทั้งสองซึ่งเกษียณอายุพ้นจากการเป็นพนักงานของจำเลยไปก่อนที่จำเลยจะประกาศใช้ประกาศ ดังกล่าวมีสิทธิได้รับรางวัลพิเศษเพิ่มจากจำเลย
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์ทั้งสองเป็นลูกจ้างประจำต่อมาวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๐ โจทก์ทั้งสองออกจากงานเพราะเกษียณอายุ โดยจำเลยไม่จ่ายรางวัลพิเศษเพิ่มให้ จึงขอให้บังคับจำเลยจ่ายรางวัลพิเศษเพิ่มแก่โจทก์ทั้งสองพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยได้กำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายรางวัลพิเศษเพิ่มว่าผู้มีสิทธิได้รับรางวัลพิเศษเพิ่ม จะต้องมีสภาพเป็นพนักงานอยู่ในขณะที่มีการจ่าย เมื่อโจทก์ทั้งสองเกษียณอายุพ้นสภาพการเป็นพนักงานของจำเลยไป ก่อนที่จำเลยประกาศให้รางวัลพิเศษดังกล่าวโจทก์ทั้งสองจึงไม่มีสิทธิได้รับรางวัลพิเศษเพิ่ม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินรางวัลพิเศษเพิ่มให้แก่โจทก์ที่ ๑ เป็นเงิน ๕,๑๘๙.๖๐ บาท โจทก์ที่ ๒ เป็นเงิน ๔,๕๖๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความเป็นยุติว่าโจทก์ทั้งสองเป็นลูกจ้างประจำของจำเลยโดยโจทก์ที่ ๑ เข้าทำงานเมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๑๘ ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ ๖,๔๘๗ บาท โจทก์ที่ ๒ เข้าทำงานเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๒๓ ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ ๕,๗๐๐ บาท ต่อมาวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๐ โจทก์ทั้งสองออกจากงานเพราะครบเกษียณอายุ ในระหว่างที่โจทก์ทั้งสองเป็นลูกจ้างของจำเลย จำเลยได้ประกาศให้รางวัลพิเศษแก่พนักงานโดยกำหนดให้พนักงานแต่ละระดับได้รับเงินรางวัลพิเศษต่าง ๆ กัน ปรากฏรายละเอียดตามประกาศของจำเลยสำเนาเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๑ ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๓๐ จำเลยได้ประกาศให้รางวัลพิเศษเพิ่มให้แก่พนักงานโดยกำหนดให้พนักงานได้รับเงินรางวัลพิเศษเท่ากับ ๐.๘ เท่าของเงินเดือน ปรากฏรายละเอียดตามประกาศของจำเลยสำเนาเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๒ เงินรางวัลพิเศษตามประกาศสำเนาเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๑ นั้น จำเลยได้จ่ายให้แก่โจทก์ทั้งสองครบถ้วนไปแล้ว
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า โจทก์ทั้งสองมีสิทธิได้รับรางวัลพิเศษเพิ่มตามประกาศของจำเลยเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๒ หรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่ารางวัลพิเศษเป็นบำเหน็จรางวัลซึ่งนายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้าง นายจ้างมีอำนาจที่จะกำหนดเงื่อนไขหรือหลักเกณฑ์ในการจ่ายให้แก่ลูกจ้างอย่างไรก็ได้ ตามประกาศของจำเลยกำหนดให้รางวัลพิเศษเพิ่มแก่พนักงานตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๒ ข้อความว่า “เพื่อตอบแทนในความร่วมมือของพนักงานที่ทำให้ประสบความสำเร็จ บริษัทฯ จึงเพิ่มรางวัลพิเศษให้แก่พนักงานเท่ากับ ๐.๘ เท่าของเงินเดือน รางวัลพิเศษดังกล่าว ทางบริษัทฯ จะจ่ายให้ด้วยการโอนเข้าบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ของพนักงานในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๓๑ ฯลฯ” นั้น เห็นได้ชัดว่า จำเลยประกาศให้รางวัลพิเศษเพิ่มแก่ผู้ที่ยังเป็นพนักงานของจำเลย ในวันที่จำเลยประกาศใช้ประกาศดังกล่าวเพื่อเป็นกำลังใจแก่พนักงานของจำเลยที่ยังปฏิบัติงานอยู่ให้ปฏิบัติงานต่อไป ภายหน้าด้วยความเข้มแข็งเป็นผลดีแก่จำเลยเท่านั้น ไม่มีข้อความใดที่จำเลยกำหนดให้มีผลถึงพนักงานซึ่งออกจากงานไปก่อนแล้ว ทั้งตามประกาศดังกล่าวก็มิได้กำหนดให้มีผลใช้บังคับย้อนหลังไปถึงปี ๒๕๓๐ แม้จำเลยจะพิจารณาจ่ายรางวัลพิเศษเพิ่มโดยถือจากผลงานในรอบปี ๒๕๓๐ ก็ตาม ก็ไม่ทำให้โจทก์ทั้งสองได้รับประโยชน์จากประกาศของจำเลย เมื่อโจทก์ทั้งสองพ้นจากสถานะการเป็นพนักงานของจำเลยไปก่อนที่จำเลยจะประกาศใช้ประกาศตามสำเนาเอกสาร หมายเลข ๒ แล้ว โจทก์ทั้งสองย่อมไม่มีสิทธิได้รับรางวัลพิเศษเพิ่มจากจำเลย ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงนรางวัลพิเศษเพิ่มแก่โจทก์ทั้งสองนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลบ ยกฟ้องของโจทก์ทั้งสอง