แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาจำเลยสำเนาให้โจทก์ ผู้ซื้อทรัพย์และเจ้าพนักงานบังคับคดีให้จำเลยนำส่งใน 7 วัน ไม่มีผู้รับให้ปิดแต่จำเลยมิได้นำเงินมาวางศาลภายในกำหนด โดยมิได้แจ้งเหตุขัดข้องโปรดมีคำสั่งว่าจำเลยทิ้งฎีกาเพื่อผู้ซื้อทรัพย์จะได้ดำเนินการในชั้นบังคับคดีต่อไป
หมายเหตุ จำเลยแถลงคัดค้านในคำแก้อุทธรณ์แล้ว (อันดับ 77)
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้พร้อมดอกเบี้ยศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยชำระหนี้โจทก์เป็นเงิน 23,000 บาท ต่อมาจำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าว โจทก์ขอให้บังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 54840ซึ่งเป็นทรัพย์ของจำเลยออกขายทอดตลาด เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการขายทอดตลาด โดยขายให้นายกิตติประสมทรัพย์ผู้สู้ราคาสูงสุด เป็นเงิน 25,000 บาท จำเลยยื่นคำร้องว่าในการขายทอดตลาดครั้งนี้เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้แจ้งการขายทอดตลาดให้จำเลยทราบและในวันขายทอดตลาดมีผู้ขายกับผู้ซื้อเพียงสองคน และสู้ราคาต่ำกว่าความเป็นจริงมากหากขายตามราคาท้องตลาดจะได้ราคาถึง 100,000 บาทขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาจำเลยสำเนาให้โจทก์ผู้ซื้อทรัพย์และเจ้าพนักงานบังคับคดี ให้จำเลยนำส่งใน 7 วัน(อันดับ 65)
ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำแถลงดังกล่าว ศาลชั้นต้นสั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ เมื่อได้รับรายงานแล้วจึงมีคำสั่งว่าจำเลยวางเงินค่านำหมายแล้วให้ยกคำแถลง (อันดับ 70,72)ผู้ซื้อทรัพย์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการส่งคำแถลงของผู้ซื้อทรัพย์ฉบับลงวันที่ 13 กันยายน 2534 ไปศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่งต่อไป (อันดับ 73,84)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว จำเลยยื่นฎีกาเกี่ยวกับการบังคับคดีเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2534 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันเดียวกันว่า ให้จำเลยนำส่งสำเนาฎีกาภายใน 7 วันจำเลยทราบคำสั่งดังกล่าวโดยชอบแล้ว จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียม มาวางศาลเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2534 ซึ่งเกินเวลาที่ ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ เป็นการเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามที่ ศาลชั้นต้นกำหนดถือได้ว่าจำเลยทิ้งฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247,174(2)ให้จำหน่ายฎีกาของจำเลย