แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พฤติการณ์ที่ไม่ถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดพิจารณา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยรื้อถอนเสารั้วลวดหนามโรงเรียน ฯลฯ ออกไปจากที่พิพาทซึ่งเป็นของโจทก์
ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์นำสืบก่อน ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยทราบวันนัดแล้ว ไม่มาศาล ศาลจึงมีคำสั่งว่า จำเลยขาดนัดพิจารณา ให้พิจารณาคดีของโจทก์ไปฝ่ายเดียว วันรุ่งขึ้นจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาคดีใหม่ อ้างว่าจำเลยไม่ได้จงใจขาดนัด ตัวจำเลยสำคัญผิดในวันนัด บอกทนายผิดไป ทนายจำเลยและตัวจำเลยจึงไม่ได้มาศาลในวันนัดไต่สวนคำร้องจำเลย ศาลชั้นต้นให้งดไต่สวนวินิจฉัยว่าจำเลยได้ลงชื่อในรายงานกระบวนพิจารณาทราบวันนัดแล้ว ไม่มีเหตุสมควร จึงให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ยกคำร้องจำเลย
ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานเสร็จแล้ว พิพากษาบังคับจำเลยตามคำขอท้ายฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาและพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา
คดีมีปัญหาที่จะพิจารณาวินิจฉัยว่า จำเลยจงใจขาดนัดพิจารณาหรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีได้ความว่าจำเลยมาศาลตามนัดทุกครั้ง และในการทำแผนที่วิวาทดำเนินคดี จำเลยยอมออกค่าใช้จ่ายเป็นเงิน ๗๓๕ บาทไปฝ่ายเดียวก่อนเพื่อความสะดวก ทั้ง ๆ ที่ครั้งแรกตกลงกันว่าออกฝ่ายละครึ่ง ทั้งนี้ แสดงว่าจำเลยพยายามที่จะต่อสู้คดีกับโจทก์เต็มที่ ไม่มีทีท่าว่าจะทอดทิ้งหรือประวิงคดีแต่ประการใด โจทก์เสียอีกขอเลื่อนคดีติด ๆ กันถึง ๓ ครั้ง เรื่องนี้ทนายจำเลยป่วย ได้ทำคำร้องให้ตัวจำเลยนำไปยื่นขอเลื่อนวันสืบพยานโจทก์ไปวันที่ ๒๒, ๒๓ สิงหาคม ๒๕๐๖ แต่ศาลอนุญาตเป็นวันที่ ๒๒ และ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๐๖ ซึ่งอาจเป็นได้ที่ตัวจำเลยจะเข้าใจและฟังผิดพลาดว่าศาลอนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานเป็นวันที่ ๒๖ สิงหาคม วันเดียว และไปบอกทนายตามที่เข้าใจ ทนายจำเลยและตัวจำเลยจึงมิได้ไปศาลในวันที่ ๒๒ สิงหาคม ข้อกล่าวอ้างของจำเลยมีเค้ามูลอยู่ น่าจะเป็นเพราะความเข้าใจผิดของจำเลยในวันนัดที่ศาลสั่งเลื่อน รูปคดียังไม่มีเหตุที่จะชี้ชัดว่า การขาดนัดพิจารณาของจำเลยได้เป็นไปโดยจงใจ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม สมควรที่จะให้มีการพิจารณาคดีใหม่เพื่อให้โอกาสแก่จำเลยได้ต่อสู้คดีกับโจทก์โดยเต็มภาคภูมิ
พิพากษายืน.