แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาจำเลยเป็นฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับ จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาเกี่ยวกับรายละเอียด อันเป็นเหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ว่าด้วยการรอการ ลงโทษ ซึ่งศาลฎีกามีอำนาจเปลี่ยนแปลงดุลพินิจในการวางโทษ จำคุกที่ศาลอุทธรณ์หรือศาลชั้นต้นกำหนดไว้ โดยให้รอการลงโทษ ไว้ได้ ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาข้อความที่ตัดสินอันเป็นปัญหา สำคัญควรสู่ศาลฎีกา โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้ พิจารณาต่อไปด้วย หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 39) ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบกฯ มาตรา 43(4),157 ซึ่งเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 8 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 4 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 37) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 39)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย มีกำหนด 4 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน การที่จำเลยฎีกาโต้แย้ง เกี่ยวกับดุลพินิจของศาลว่าสมควรรอการลงโทษให้จำเลยนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกให้ยกคำร้อง