แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า คดีนี้ จำเลยได้นำเงินค่าเสียหายที่จะต้องชำระแก่โจทก์ตามคำพิพากษามาวางไว้ต่อศาลเดือนละ 16,000 บาทรวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 688,000 บาท แต่เนื่องจากจำเลยฎีกาและขอถอนฎีกา ศาลฎีกาได้มีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฎีกาแล้ว คดีของจำเลยย่อมถึงที่สุด จำเลยจึงต้องรับผิดชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ตามคำพิพากษาโจทก์มีความประสงค์ขอรับเงินที่จำเลยวางศาลไว้จำนวน 688,000 บาทค่าขึ้นศาลและค่าทนายความที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยชำระแทนโจทก์โดยมอบให้นายสุขุมพิริยานสรณ์ ทนายโจทก์เป็นผู้รับแทนโปรดมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นสั่งจ่ายเงินดังกล่าวข้างต้นแก่โจทก์ด้วยอนึ่งการจ่ายเงินศาลแพ่งจะจ่ายเป็นเช็ค ขอศาลได้โปรดสั่งจ่ายแก่โจทก์หรือผู้ถือด้วย
หมายเหตุ จำเลยยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
คดีทั้งสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกันโดยให้เรียกโจทก์ในสำนวนแรกและจำเลยที่ 1 ในสำนวนหลังว่าโจทก์เรียกจำเลยที่ 2 ที่ 3 ในสำนวนหลังตามชื่อที่ปรากฏในคำฟ้องและให้เรียกจำเลยในสำนวนแรกกับโจทก์ในสำนวนหลังว่าจำเลยศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกไปจากตึกแถวพิพาทเลขที่ 411 และ 413 ตามฟ้อง และให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ16,000 บาท นับแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2525 เป็นต้นไป จนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากห้องพิพาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา (อันดับ 275)
จำเลยฎีกา และต่อมาขอถอนฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาต(อันดับ 274,293)
โจทก์ยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 295)
คำสั่ง
การขอรับเงินที่จะต้องชำระแก่โจทก์ตามคำพิพากษาที่จำเลยนำมาวางไว้ต่อศาลชั้นต้น โจทก์ชอบที่จะขอต่อศาลชั้นต้น ให้ยกคำร้องค่าคำร้องเป็นพับ
