คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1359-1360/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยฟ้องกล่าวหาโจทก์ว่าออกเช็คโดยเจตนามิให้มีการใช้เงินตามเช็ค และเบิกความว่าโจทก์นำเช็คมาขายลดกับจำเลยโดยเป็นผู้ลงวันที่สั่งจ่ายต่อหน้าจำเลย แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษายกฟ้องในคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์ โดยวินิจฉัยว่าโจทก์ออกเช็คพิพาทให้จำเลยเพื่อประกันการกู้เงิน และมิได้ลงวันที่สั่งจ่ายก็ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ เพราะข้อวินิจฉัยของศาลเป็นเพียงการแสดงความเห็นในการชี้ขาดตัดสินคดีอย่างหนึ่งเท่านั้น จะเป็นเท็จหรือไม่เป็นปัญหาที่ต้องมีการวินิจฉัยในเนื้อแท้ของความจริงให้เป็นที่ประจักษ์ต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องสองสำนวนซึ่งศาลรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกัน ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๕, ๑๗๗, ๑๘๐, ๙๑
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้องทั้งสองสำนวน
จำเลยให้การปฏิเสธทั้งสองสำนวน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๕, ๑๗๗, ๙๑ จำคุกกรรมละ ๑ ปี รวมจำคุก ๒ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ทั้งสองสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มูลเหตุที่โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยฟ้องและเบิกความเท็จ ก็เนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องในคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์ โดยวินิจฉัยว่าโจทก์ออกเช็คพิพาทให้จำเลยเพื่อประกันการกู้เงิน และโจทก์มิได้ลงวันสั่งจ่ายเช็คพิพาท เห็นว่า ลำพังแต่ศาลวินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยฟ้องและเบิกความเท็จ เพราะที่ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์มิได้ลงวันสั่งจ่ายเช็คพิพาทนั้น ศาลอาศัยพิจารณาลายมือที่เขียนวันสั่งจ่ายในเช็คพิพาทเปรียบเทียบกับลายมือของโจทก์ที่เขียนในสัญญากู้แล้ววินิจฉัยว่ามีลักษณะแตกต่างกันเท่านั้น ข้อวินิจฉัยของศาลดังกล่าวจึงเป็นเพียงการแสดงความเห็นในการชี้ขาดตัดสินคดีอย่างหนึ่ง จะรับฟังเป็นยุติว่าเป็นความจริงโดยเด็ดขาดยังไม่ได้ แม้ในคดีดังกล่าวศาลจะพิพากษายกฟ้องโดยไม่เชื่อคำฟ้องและคำเบิกความของจำเลยว่าเป็นความจริง แต่จะเป็นเท็จหรือไม่เป็นปัญหาที่ต้องมีการวินิจฉัยในเนื้อแท้ของความจริงให้เป็นที่ประจักษ์ด้วย คดีนี้ได้ความว่าเช็คพิพาทมีรายการลงวันสั่งจ่ายครบถ้วน แต่โจทก์เถียงว่าลายมือที่เขียนวันสั่งจ่ายไม่ใช่ลายมือโจทก์ ส่วนจำเลยก็เถียงว่าเป็นลายมือโจทก์เพราะโจทก์เขียนต่อหน้าจำเลย เมื่อโจทก์จำเลยโต้เถียงกันดังนี้ โจทก์ย่อมอยู่ในฐานะทราบได้ดีกว่าใครว่าลายมือที่เขียนวันสั่งจ่ายเป็นลายมือของโจทก์หรือไม่ หากโจทก์แน่ใจว่าโจทก์ไม่ได้ลงวันสั่งจ่ายเช็คพิพาทดังที่อ้าง โจทก์ก็น่าจะขอให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ แต่โจทก์ก็หาได้กระทำไม่ คงเบิกความลอย ๆ ว่า ไม่ได้ลงวันสั่งจ่ายและลายมือที่เขียนวันส่งจ่ายในเช็คพิพาทไม่ใช่ลายมือของโจทก์เท่านั้น แม้โจทก์จะมีนายนิรันดร์ ชลนภาสถิตย์ มาเบิกความสนับสนุนก็ไม่มีน้ำหนักให้เชื่อได้ว่าลายมือที่เขียนวันสั่งจ่ายเช็คพิพาทไม่ใช่ลายมือชื่อโจทก์ ดังนั้นที่จำเลยเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้องและชั้นพิจารณาคดีในคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์ว่า โจทก์ลงวันสั่งจ่ายเช็คพิพาทต่อหน้าจำเลยจึงยังฟังไม่ได้ว่าเป็นเท็จ ส่วนที่จำเลยเบิกความว่านำเช็คพิพาทมาขายลดกับจำเลยเป็นความเท็จหรือไม่นั้น โจทก์เบิกความว่า ออกเช็คพิพาทให้จำเลยเพื่อประกันการกู้เงิน แต่สัญญากู้เงินที่โจทก์เบิกความอ้างถึงก็เป็นสัญญากู้เงินจำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท ไม่ใช่ ๒๔,๐๐๐ บาท ตามที่ระบุไว้ในเช็คพิพาท โดยโจทก์มิได้ให้เหตุผลว่าเหตุใดจำนวนเงินถึงไม่เท่ากัน ดังนั้น ที่จำเลยเบิกความว่า โจทก์นำเช็คพิพาทมาขายลดกับจำเลยจึงยังฟังไม่ได้ว่าเป็นเท็จ และการที่จำเลยฟ้องกล่าวหาว่า โจทก์ออกเช็คพิพาทชำระหนี้จำเลยโดยเจตนาที่จะมิให้มีการใช้เงินตามเช็ค จึงยังฟังไม่ได้ว่าเป็นฟ้องเท็จเช่นกัน ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผลที่ศาลอุทธรณ์ พิพากษายกฟ้องโจทก์ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share