แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ที่ 3 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218,219 ไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 3จำเลยที่ 1 ที่ 3 เห็นว่า จำเลยได้ฎีกาว่า คดีนี้ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาในเรื่องวันกระทำความผิดแตกต่างจากคำฟ้อง ซึ่งเป็นข้อสาระสำคัญ การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาโดยวินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของจำเลยที่ว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาต่างกับฟ้องในเรื่องวันกระทำความผิด ฟังไม่ขึ้นนั้น จึงเป็นการพิพากษาที่ไม่ถูกต้องด้วยข้อกฎหมาย นอกจากนี้ยังได้ฎีกาอีกว่า ศาลอุทธรณ์รับฟังพยานโจทก์ที่เป็นพยานบอกเล่า จึงเป็นการรับฟังพยานหลักฐานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 3 เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 3 ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (สำนวนธุรการ อันดับ 25แผ่นที่ 2)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีโจทก์มีมูล จึงมีคำสั่งให้ประทับฟ้อง
ก่อนสืบพยานโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ให้ลงโทษปรับจำเลยที่ 1จำนวน 10,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 3 ให้ลงโทษจำคุก 2 เดือน ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้นับโทษจำเลยที่ 3 ต่อจากโทษจำเลยที่ 3 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7867/2530 ของศาลชั้นต้นนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ที่ 3 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 48 แผ่นที่ 2)
จำเลยที่ 1 ที่ 3 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 49)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 3 โดยเนื้อแท้แล้วเป็นการคัดค้านดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์เป็นปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกานั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง