คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2089/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ตามข้อบังคับของบริษัทจำเลยที่ 1 กรรมการสองคนต้องลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท จึงมีอำนาจทำการแทนบริษัทและรับอาวัลตั๋วเงินได้ เมื่อได้ความว่าลายมือชื่อ ส.กรรมการผู้หนึ่งผู้มีอำนาจลงชื่อแทนจำเลยที่ 1 ที่ลงชื่อเป็นผู้รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นลายมือปลอม การรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินจึงไม่ชอบ การปลอมลายมือชื่อเช่นนี้ไม่ใช่เป็นการทำแทนจำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 1 เชิดให้ผู้นั้นเป็นตัวแทนทั้งไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 1 ได้รับเอาประโยชน์หรือรับเอาผลแห่งการรับอาวัลอันจะถือว่าเป็นการให้สัตยาบันแก่การกระทำนั้นการรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินรายนี้จึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 1ให้ต้องรับผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ทรงตั๋วสัญญาใช้เงิน 5 ฉบับที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้อาวัล จำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลัง ผู้ออกตั๋วไม่ใช้เงินตามตั๋ว ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินตามตั๋วพร้อมดอกเบี้ย จำเลยที่ 1 ให้การว่าลายมือชื่อที่ลงไว้ใต้ช่องใช้ได้เป็นอาวัล ไม่ใช่ลายมือชื่อกรรมการของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ใช้เงิน 10,000,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 ใช้เงินโจทก์ตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงยุติตามที่ศาลล่างทั้งสองรับฟังมาโดยคู่ความไม่โต้แย้งว่า จำเลยที่ 2 ได้นำตั๋วสัญญาใช้เงินเอกสารหมาย จ.6 ถึง จ.10 รวม 5 ฉบับ ที่บริษัทธนกิจและการลงทุนจำกัด ซึ่งต่อมาจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทธนกิจคอร์ปอเรชั่นกรุ๊ป จำกัด ออกใช้เงินให้แก่จำเลยที่ 2หรือตามคำสั่งของจำเลยที่ 2 ฉบับละ 2,000,000 บาท รวมเป็นเงิน10,000,000 บาท ในวันที่ 26 มกราคม 2525 ไปขายลดให้แก่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งห้าฉบับนั้น ปรากฏว่าที่ด้านหน้าตั๋วสัญญาใช้เงินทุกฉบับมีข้อความว่าใช้ได้เป็นอาวัลและมีลายมือชื่อของนายวิบูลย์ เขียวอิ่มกรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 1 กับมีผู้ปลอมลายมือชื่อของนายสาคร ไตลังคะ กรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลยที่ 1และประทับตราสำคัญของบริษัทจำเลยที่ 1 ลงไว้ ใต้ข้อความว่าใช้ได้เป็นอาวัลดังกล่าว ถึงกำหนดโจทก์เรียกให้ใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งห้าฉบับไม่ได้ ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า จำเลยที่ 1 จะต้องร่วมกับจำเลยที่ 2 รับผิดชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่โจทก์หรือไม่
เห็นว่าตามข้อบังคับของบริษัทจำเลยที่ 1 กรรมการสองคนต้องลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท จึงจะมีอำนาจทำการแทนบริษัทและรับอาวัลตั๋วเงินได้ คดีนี้เมื่อได้ความว่าลายมือชื่อนายสาคร ไตลังคะ กรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อแทนจำเลยที่ 1 ที่ลงชื่อเป็นผู้รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินเอกสารหมาย จ.6 ถึง จ.10 เป็นลายมือชื่อปลอม การรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งห้าฉบับดังกล่าวจึงไม่ชอบ และกรณีที่มีการปลอมลายมือชื่อผู้รับอาวัลนี้ ย่อมเห็นได้ว่าไม่ใช่เป็นการทำแทนจำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 1 เชิดให้ผู้นั้นเป็นตัวแทนตามที่โจทก์และจำเลยที่ 1 นำสืบข้อเท็จจริงก็ไม่ได้ความว่า จำเลยที่ 1 ได้รับเอาประโยชน์หรือรับเอาผลแห่งการรับอาวัล อันจะถือว่าเป็นการให้สัตยาบันแก่การกระทำนั้น ที่จำเลยที่ 1 ไม่ทักท้วงการรับอาวัลดังกล่าว อาจเป็นเพราะนายวิบูลย์ กระทำการโดยไม่สุจริต และปิดบังไว้ จะถือว่าจำเลยที่ 1 ให้สัตยาบันแล้วไม่ได้ การรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินรายนี้จึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 1ให้ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 2 ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่เข้าว่าคดีแทนจำเลยที่ 1 จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้

Share