แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสองยกเหตุผลเพื่อให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อยให้จำคุก 3 ปี จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองเห็นว่า จำเลยได้ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองโดยอาศัยคำรับสารภาพของจำเลยทั้งสองในชั้นสอบสวน และอาศัยคำซัดทอดของจำเลยด้วยกันนั้นเป็นการขัดต่อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยทั้งสองไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 ลงโทษจำคุกคนละ 3 ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 83นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 59)
จำเลยทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 63)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองโดยอาศัยคำรับสารภาพของจำเลยทั้งสองในชั้นสอบสวนและอาศัยคำซัดทอดของจำเลยทั้งสองด้วยกัน เป็นปัญหาข้อกฎหมาย นั้นเห็นว่า เป็นการฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสองชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง