แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามกฎหมาย ไม่รับฎีกา
จำเลยที่ 1 เห็นว่า จำเลยได้ฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า คำฟ้องโจทก์อ้างฐานความผิดและอ้างบทมาตราไม่ถูกต้อง การกระทำของจำเลยไม่ครบองค์ประกอบความผิด และเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมไม่ชัดแจ้งไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 นอกจากนี้เช็คพิพาทเป็นเช็คที่สั่งจ่ายดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดจึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาข้อกฎหมายของจำเลย และหากฎีกาของจำเลยมีข้อเท็จจริงรวมอยู่ก็ขอได้โปรดรับไว้เป็นคำแถลงการณ์ด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 4 แผ่นที่ 2)
คดีของศาลชั้นต้นหมายเลขแดงที่ 2740/2529 นี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกับคดีอื่นอีกหนึ่งสำนวนซึ่งถึงที่สุดตั้งแต่ศาลชั้นต้น โดยเรียกจำเลยในคดีนี้ว่า จำเลยที่ 1
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341,91 ฯลฯ พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 มาตรา 3 ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341รวม 7 กระทง จำคุกกระทงละ 2 ปี ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค จำคุก 2 เดือน รวมโทษจำคุก 14 ปี2 เดือน แต่ความผิดทั้งสองฐานมีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จึงให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด10 ปี ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 3แผ่นที่ 3)
จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 4 แผ่นที่ 2)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ข้อฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ว่า จำเลยมิได้เอาความเท็จมากล่าว จำเลยได้ชำระเงินลงทุนซื้อน้ำมันคืนให้โจทก์แล้ว จึงไม่มีความผิดและไม่ควรรับฟังคำพันเอกพร อยู่ออมสินและที่จำเลยที่ 1 โต้แย้งการฟังข้อเท็จจริงของศาลอุทธรณ์ว่าเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายเป็นเช็คค่าดอกเบี้ยและเป็นดอกเบี้ยเกินอัตรานั้นเป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218ส่วนฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ว่า ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับการนับโทษของจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอื่นเคลือบคลุมนั้นปรากฏว่าจำเลยแถลงรับว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับจำเลยในคดีที่ศาลพิพากษาแล้ว ศาลจึงนับโทษจำเลยต่อจากคดีนั้นได้ ฎีกาของจำเลยที่ 1 ในข้อนี้จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1ทุกข้อนั้นชอบแล้ว จึงให้ยกคำร้อง