คำสั่งคำร้องที่ 152/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า ผู้ร้องขัดทรัพย์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าคดีนี้ ทุนทรัพย์ 40,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน และฎีกาของผู้ร้อง เป็นปัญหาข้อเท็จจริงเพราะจะวินิจฉัยข้อกฎหมายได้ต่อเมื่อฟังข้อเท็จจริงได้ตามฎีกาของผู้ร้องก่อน ฎีกาผู้ร้องขัดทรัพย์ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงไม่รับ ผู้ร้องเห็นว่า ประเด็นที่ว่าสัญญาเช่าซื้อรถยนต์พิพาทระหว่างผู้ร้องกับจำเลยเป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายซึ่งผู้ร้องได้นำสืบต่อสู้มาแต่ศาลชั้นต้น อีกประการหนึ่งจำเลยไม่เคยได้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์พิพาท เพราะจำเลยชำระค่าเช่าซื้อให้แก่ บริษัทเจนเนอรัลไฟแนนซ์ จำกัด เจ้าของกรรมสิทธิ์ยังไม่ครบ ดังนั้นเมื่อจำเลยขายรถยนต์ดังกล่าวให้แก่นายนพชัยฯ ตัวแทนของผู้ร้องจึงเป็นเพียงการขายสิทธิการเช่าซื้อให้แก่ผู้ร้องเท่านั้น ตัวแทนของผู้ร้องรับโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์พิพาทมาจากบริษัท เจนเนอรัลไฟแนนซ์ จำกัด โดยตรง ไม่ได้รับโอนจากจำเลย ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอีกข้อหนึ่งที่ผู้ร้องต่อสู้มาแต่ต้นเช่นกันโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของผู้ร้องไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่กรณีเป็นชั้นบังคับคดี
สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามบัญชีเดินสะพัดศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์เป็นเงิน 66,782.55 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย ต่อมาจำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าวโจทก์ขอบังคับคดีนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล1 คัน อ้างว่าเป็นทรัพย์ของจำเลย
ผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นคำร้องว่ารถยนต์ส่วนบุคคลยี่ห้อแลนเซอร์สีขาว หมายเลขทะเบียน เชียงใหม่ ก-8283 ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้นั้นเป็นของผู้ร้อง ขอให้ปล่อยทรัพย์ดังกล่าว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกคำร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 67)
ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 68)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีมีประเด็นพิพาทว่ารถยนต์ที่โจทก์นำยึดบังคับคดีเป็นของผู้ร้องขัดทรัพย์หรือไม่ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังต้องกันมาว่ารถคันพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยซึ่งมีชื่อในทะเบียนเป็นเจ้าของ หลักฐานสัญญาเช่าซื้อที่ผู้ร้องนำสืบว่าผู้ร้องได้ซื้อรถคันพิพาทและได้ให้จำเลยเช่าซื้อ เป็นนิติกรรมที่ผู้ร้องและจำเลยทำขึ้นด้วยสมรู้กันอันเกิดจากการแสดงเจตนาลวงเพื่อให้พ้นจากการถูกยึดทรัพย์บังคับคดีจึงเป็นโมฆะ ดังนี้ ฎีกาผู้ร้องซึ่งโต้แย้งว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถคันพิพาทสัญญาเช่าซื้อระหว่างผู้ร้องในฐานะผู้ให้เช่าซื้อกับจำเลยในฐานะผู้เช่าซื้อเป็นนิติกรรมที่ทำขึ้นโดยมีเจตนาที่แท้จริง ถือว่าเป็นฎีกาโต้แย้งในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของผู้ร้องจึงชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ให้คืนค่าขึ้นศาลโดยให้หักค่าคำร้อง ไว้ 40 บาท

Share