คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1711/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ที่ดินพิพาทเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยกับภริยาจำเลย แต่จำเลยกลับทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทและสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลกับโจทก์โดยมิได้รับความยินยอมจากภริยาจำเลยก่อน ต่อมาจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีระหว่างการบังคับคดีภริยาจำเลยฟ้องโจทก์และจำเลยให้เพิกถอนสัญญาจะซื้อขายที่ดินและสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว ดังนี้ศาลชอบที่จะใช้ดุลพินิจสั่งงดการบังคับคดีไว้ได้เพื่อรอฟังผลคดีที่ภริยาจำเลยฟ้องโจทก์และจำเลยก่อน

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาล โดยจำเลยยอมจะขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุด ต่อมาจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความโจทก์ยื่นคำร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาตามยอม ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีในระหว่างการบังคับคดี นางมลิวรรณ ณ นครพนม ภริยาจำเลยได้เป็นโจทก์ ฟ้องโจทก์และจำเลยคดีนี้เป็นจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ต่อศาลแพ่งรวม 2 คดีขอให้เพิกถอนสัญญาจะซื้อขายที่ดินและสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลระหว่างโจทก์กับจำเลย ทนายจำเลยขอให้ศาลรอผลคดีดังกล่าวก่อน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนเพื่อรอฟังผลคดีดังกล่าว หากคดีดังกล่าวถึงที่สุดให้คู่ความแถลงให้ศาลทราบโดยเร็วเพื่อดำเนินการต่อไป
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนแล้วมีคำสั่งในเรื่องการบังคับคดีต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 292(2) เมื่อศาลได้ใช้ดุลพินิจพิจารณาเห็นเป็นการสมควรก็มีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ได้ คดีนี้เมื่อปรากฎข้อเท็จจริงว่านางมลิวรรณ ณ นครพนม ภริยาจำเลยอ้างว่าที่ดินตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยกับนางมลิวรรณ ขณะนี้นางมลิวรรณได้เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์และจำเลยคดีนี้เป็นจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ต่อศาลแพ่ง รวม 2 คดีขอให้เพิกถอนสัญญาจะซื้อขายที่ดินและสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลระหว่างโจทก์กับจำเลย โดยนางมลิวรรณอ้างว่าจำเลยทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินและสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลโดยมิได้รับความยินยอมจากนางมลิวรรณดังปรากฏตามคดีของศาลแพ่งหมายเลขแดงที่ 18100/2532 และ 23214/2532 ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ทั้งสองคดี และหากศาลพิพากษาคดีทั้งสองถึงที่สุดให้นางมลิวรรณชนะคดี และที่ดินดังกล่าวได้โอนไปเป็นของโจทก์ตามคำพิพากษาตามยอมแล้ว นางมลิวรรณซึ่งเป็นบุคคลภายนอกย่อมได้รับความเสียหาย จึงควรที่จะให้งดการบังคับคดีตามคำพิพากษาตามยอมคดีนี้ไว้เพื่อรอฟังผลคดีดังกล่าวก่อน ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้งดการบังคับคดีไว้ตามคำสั่งของศาลชั้นต้น

Share