คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4866/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

บันทึกข้อตกลงเรื่องค่าเสียหายที่สามีโจทก์ทำไว้กับจำเลยมีลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือการตั้งตัวแทนเพื่อไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความก็จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798แต่ปรากฏว่าในการไปทำบันทึกข้อตกลงเรื่องค่าเสียหายดังกล่าวโจทก์ได้แสดงออกหรือยอมให้สามีโจทก์แสดงออกว่าเป็นตัวแทนโจทก์ไปทำบันทึกข้อตกลงเรื่องค่าเสียหายกับจำเลย อันเป็นเรื่องตัวแทนเชิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 821 ไม่อยู่ในบังคับมาตรา 798 ที่จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ แม้โจทก์มิได้มีหนังสือตั้งให้สามีโจทก์ไปทำบันทึกข้อตกลงดังกล่าวกับจำเลย โจทก์ในฐานะตัวการก็ต้องผูกพันรับผิดต่อจำเลยตามข้อตกลงนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายอ้วนขับรถยนต์ด้วยความประมาทเลินเล่อเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัสจำเลยในฐานะนายจ้างต้องร่วมรับผิดกับนายอ้วนด้วยในผลแห่งละเมิดเป็นเงิน 206,756 บาท โจทก์รับไว้แล้วเป็นเงิน 9,329 บาทคงเหลือเงินที่จำเลยต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์ 197,427 บาท ขอให้บังคับจำเลยใช้เงิน 197,427 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยจะชำระค่ารักษาพยาบาลให้โจทก์ตามความเป็นจริงตามใบเสร็จรับเงินของโรงพยาบาล ส่วนค่าเสียหายอื่น ๆโจทก์ไม่มีอำนาจที่จะบังคับเอาจากจำเลย เนื่องจากมีการทำบันทึกการให้ค่าทดแทนผู้เสียหายระหว่างนายอุทัย แก้วมณี กับจำเลยซึ่งแนบมาท้ายคำให้การ ส่วนค่าเสียหายต่าง ๆ ที่โจทก์เรียกมานั้นก็เกินความเป็นจริงและเกินความจำเป็น โจทก์รับไปจากจำเลยแล้วเป็นเงิน 9,329 บาท คงเหลือค่าเสียหายในส่วนนี้อีก 42,598 บาทซึ่งจำเลยจะไปชำระให้แก่โรงพยาบาลเองส่วนค่ารักษาพยาบาลและค่าเสียหายอื่น ๆ จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบเนื่องจากโจทก์เรียกค่าเสียหายที่ยังไม่เกิดขึ้น ขอให้ยกฟ้องโจทก์หรือให้จำเลยชำระค่าเสียหายเพียง 42,598 บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 170,427 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องไปจนกว่าชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้เงิน 51,927 บาทนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ที่โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า สามีโจทก์ไปทำบันทึกข้อตกลงเรื่องค่าเสียหายกับจำเลยโดยไม่มีหลักฐานการแต่งตั้งจากโจทก์เป็นหนังสือ บันทึกข้อตกลงดังกล่าวจึงไม่มีผลผูกพันโจทก์นั้น เห็นว่า บันทึกข้อตกลงเรื่องค่าเสียหายที่สามีโจทก์ทำไว้กับจำเลยตามเอกสารหมาย ล.2 มีข้อความว่าสามีโจทก์และจำเลยได้มาเจรจาเรื่องค่าใช้จ่าย ค่ารักษาพยาบาลและทดแทนความเสียหาย จากเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยสามีโจทก์เรียกร้องค่าเสียหายค่าใช้จ่าย ค่าซ่อมแซมรถจักรยานยนต์เป็นเงิน 25,000 บาท ส่วนค่ารักษาพยาบาลให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น ตามจำนวนจริงที่ได้จ่ายให้แก่โรงพยาบาลไปโดยถือจำนวนเงินตามใบเสร็จรับเงินที่สามีโจทก์ได้สำรองจ่ายไปก่อนและจะขอเบิกชดใช้เป็นงวดจนครบจำนวนทั้งนี้เริ่มแต่วันเข้ารับการรักษาจนถึงวันที่ออกจากโรงพยาบาลของรัฐซึ่งจำเลยยินยอมตามที่สามีโจทก์เรียกร้อง โดยสามีโจทก์และจำเลยต่างได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญทั้งสองฝ่าย บันทึกข้อตกลงเรื่องค่าเสียหายตามเอกสารหมาย ล.2 ดังกล่าว จึงมีลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ การตั้งตัวแทนเพื่อไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ก็จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 แต่ปรากฏว่าในการไปทำบันทึกข้อตกลงเรื่องค่าเสียหายตามเอกสารหมาย ล.2 ดังกล่าวโจทก์ได้แสดงออกหรือยอมให้สามีโจทก์แสดงออกว่าเป็นตัวแทนของโจทก์ไปทำบันทึกข้อตกลงเรื่องค่าเสียหายกับจำเลย อันเป็นเรื่องตัวแทนเชิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 821 ไม่อยู่ในบังคับมาตรา 798ที่จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ แม้โจทก์จะมิได้มีหนังสือตั้งให้สามีโจทก์ไปทำบันทึกข้อตกลงดังกล่าวกับจำเลย โจทก์ตัวการก็ต้องผูกพันรับผิดต่อจำเลยตามข้อตกลงนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share