คำสั่งคำร้องที่ 1479/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์อุทธรณ์และขอแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งอุทธรณ์โจทก์ว่า อุทธรณ์ของโจทก์ ข้อ 2.2 เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายให้รับไว้ ส่วนอุทธรณ์ข้ออื่นเป็นอุทธรณ์ดุลยพินิจในการที่ศาลรับฟังพยานหลักฐาน เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงจึงไม่รับและสั่งคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์ว่า เป็นกรณีขอแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 54 ให้ยกคำร้อง
โจทก์เห็นว่า โจทก์ได้อุทธรณ์เป็นปัญหาข้อกฎหมาย กล่าวคือข้อ 2.1 อุทธรณ์ว่า ศาลแรงงานกลางใช้ดุลยพินิจรับฟังข้อเท็จจริงต่างไปจากที่ศาลรับฟังไว้ในคดีส่วนอาญา จึงเป็นการไม่ชอบ ข้อ 2.3และ 2.4 อุทธรณ์ว่า ศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงเป็นประการอื่นต่างจากที่โจทก์จำเลยแถลงยอมรับกัน ส่วนข้อ 3 อุทธรณ์ว่าคำสั่งของจำเลยที่ไล่โจทก์ออกจากงานไม่ชอบด้วยระเบียบว่าด้วยการพนักงานและในข้อสุดท้ายอุทธรณ์ว่า โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากการเลิกจ้าง ค่าชดเชย และสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าซึ่งเป็นประเด็นที่เกี่ยวกับอุทธรณ์ข้อ 2 โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยแถลงคัดค้าน (อันดับ 55)
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย 11,625 บาทสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 7,750 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันเลิกจ้างจนกว่าจะชำระเสร็จกับให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม 652,550 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้ยกเลิกคำสั่งไล่โจทก์ออกจากงานโดยปิดประกาศให้พนักงานทราบทุกสาขาด้วย
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์และยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 47,48)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 49)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว อุทธรณ์ของโจทก์สรุปได้ว่า ศาลแรงงานกลางต้องรับฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์มิได้กระทำการโดยทุจริตต่อจำเลยจะรับฟังข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นไม่ได้ และการที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์จะต้องมีส่วนร่วมมือกับนายแสวงพี่ชายในการทุจริตโอนเงิน เพราะโจทก์ได้รับต่อนายแดงประการหนึ่ง และนายแสวงพี่ชายโจทก์ก็หายตัวไปไม่ได้แสดงตัวออกมาเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์หรือต่อสู้คดี เป็นการวินิจฉัยพยานโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยเลิกจ้างโจทก์ จึงเป็นการกลั่นแกล้งโจทก์และไม่เป็นธรรมต่อโจทก์ โจทก์มีสิทธิได้รับค่าเสียหาย ค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า อันเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางที่ฟังว่า โจทก์ได้กระทำการทุจริตต่อจำเลย เป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจำเลยไม่ได้กลั่นแกล้งโจทก์ และไม่ได้เลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรมโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่าเสียหาย ค่าชดเชย และสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ที่ศาลแรงงานกลางสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ข้อ 2.1,2.3,2.4 ข้อ 3 และข้อ 4นั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share