คำสั่งคำร้องที่ 1479/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกา จึงไม่รับฎีกาจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงตามที่โจทก์นำสืบในคดีนี้แล้ว คงโต้เถียงแต่เพียงว่าการกระทำดังกล่าวของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย และจำเลยได้หยิบยกปัญหานี้มาแต่ชั้นอุทธรณ์แล้ว โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 63)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499มาตรา 326 และมาตรา 328
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีของโจทก์พอมีมูลให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 จำคุก 2 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 62)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 63)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ปรากฏว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงต้องกันว่า ข้อความที่จำเลยเขียนถึงผู้บังคับบัญชาและบุคคลอื่น ไม่เพียงแต่ร้องเรียนกล่าวโทษโจทก์โดยสุจริตเพื่อหวังจะได้รับเงินที่โจทก์เป็นหนี้จำเลยอยู่คืนจากโจทก์เท่านั้น ยังมีเจตนาหมิ่นประมาทโจทก์ด้วย และไม่สมควรรอการลงโทษ จำเลยฎีกาว่าข้อความในหนังสือร้องเรียนของจำเลยเป็นเพียงกล่าวโทษโจทก์โดยสุจริตเพื่อหวังจะได้รับเงินของจำเลยซึ่งโจทก์เป็นหนี้อยู่ ไม่มีเจตนาหมิ่นประมาทโจทก์ ถ้าหากจำเลยมีความผิดก็ขอให้รอการลงโทษ เห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยนั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้องของจำเลย

Share