แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า เนื่องจากทนายจำเลยได้ทราบว่าจำเลยตายแล้ว โดยทนายจำเลยได้ติดต่อสอบถามจากครอบครัวจำเลย และเมื่อวันที่4 พฤศจิกายน 2529 บุตรชายจำเลยได้นำมรณบัตรมามอบให้ทนายจำเลยดังที่ได้เสนอมาพร้อมคำร้องนี้ เมื่อการตายของจำเลยมีหลักฐานชัดเจนแล้ว ขอศาลฎีกาโปรดมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 และมาตรา 42 ต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ โจทก์ร่วมยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ระหว่างพิจารณา พันตรีปาน เสริมสินหรือเสริมศิลป์ ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์ โจทก์ร่วมมีสิทธิครอบครองที่พิพาทตามแผนที่พิพาท ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในที่พิพาทออกไป หากไม่รื้อถอน ให้โจทก์ โจทก์ร่วมเป็นผู้ทำการรื้อถอนเองได้ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์โจทก์ร่วมปีละ 2,000 บาท นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะเลิกเกี่ยวข้องกับที่พิพาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องของโจทก์
โจทก์ โจทก์ร่วมฎีกา (อันดับ 79)
ทนายจำเลยยื่นคำแถลงว่า จำเลยได้ถึงแก่ความตายก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จึงขอเวลา 1 เดือนเพื่อติดต่อหาทายาทจำเลยมาขอรับมรดกความแทนจำเลย ศาลชั้นต้นสั่งว่า ให้ทนายจำเลยแสดงหลักฐานการตายของจำเลยก่อนสั่ง (อันดับ 81 แผ่นที่ 1)
ทนายจำเลยยื่นคำแถลงว่า ได้ทราบจากกำนันตำบลศรีวิเชียรที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ว่า จำเลยออกจากบ้านเรือนไปทำนาอยู่ในป่าแล้วเจ็บป่วยเป็นไข้ตายในป่า จึงไม่มีผู้ใดมาแจ้งการตายของจำเลย กำนันจึงไม่ออกใบมรณบัตรให้ แต่ทนายโจทก์ก็ได้รับรองและยืนยันว่าจำเลยตายจริง เมื่อทั้งสองฝ่ายรับรองว่าจำเลยตายจริงขอให้ศาลมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42ศาลชั้นต้นสั่งว่ากรณียังไม่ปรากฏว่าทายาทของจำเลยคนใดยื่นคำร้องขอเข้าแทนที่คู่ความผู้มรณะ หรือโจทก์ได้เรียกบุคคลใดเข้ามาแทนที่คู่ความผู้มรณะ จึงยังไม่จำเป็นต้องทำการไต่สวนหรือมีคำสั่งอย่างใด (อันดับ 81 แผ่นที่ 2)
ทนายจำเลยยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 83)
คำสั่ง
ให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนาให้โจทก์และโจทก์ร่วม สอบถามว่าจำเลยตายแล้วจริงหรือไม่ เมื่อใด เมื่อมีผู้ร้องขอเข้ามาหรือให้เรียกบุคคลใดเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ ก็ให้ดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 ถ้าไม่มีผู้ร้องเข้ามาก็ให้ส่งสำนวนคืนศาลฎีกา