แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยขอให้ศาลปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกาโดยผู้ขอประกันได้เสนอบัญชีทรัพย์มาพร้อมคำร้องแล้ว
หมายเหตุ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานมีฝิ่นและมีมูลฝิ่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. 2472มาตรา 8,53 และมาตรา 11,53 ทวิ ฯลฯ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91และมีความผิดฐานมีไว้ในความครอบครองซึ่งฝิ่นอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 17 วรรคแรก,69 วรรคแรก พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 10 จำเลยกระทำผิดในขณะพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. 2472 ใช้บังคับอยู่ ภายหลังกระทำผิดแล้วได้มีพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 ออกใช้บังคับซึ่งมีโทษเบากว่า จึงใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิด ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 17 วรรคแรก,69 วรรคแรก พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 10 จำคุก 6 เดือน เพิ่มโทษหนึ่งในสามเป็นจำคุก 8 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวนลดโทษให้หนึ่งในสี่ คงจำคุก 6 เดือน ริบของกลางทั้งหมดให้ยกฟ้องข้อหาจำหน่ายฝิ่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับเพราะเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง (อันดับ 30 แผ่นที่ 2)
จำเลยยื่นคำร้องดังกล่าว (สำนวนธุรการ อันดับ 26)
จำเลยเคยยื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกามาครั้งหนึ่งแล้ว ศาลฎีกามีคำสั่งยกคำร้อง (สำนวนธุรการ อันดับ 22)
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ชั้นอุทธรณ์ศาลชั้นต้นตีราคาประกัน 100,000 บาท (สำนวนธุรการ อันดับ 2,6 แผ่นที่ 2)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยจึงไม่มีเหตุที่จะปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกา ให้ยกคำร้อง