คำสั่งคำร้องที่ 1427/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง คดีจึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ไม่รับฎีกาโจทก์
โจทก์ทั้งสองเห็นว่า ในชั้นอุทธรณ์โจทก์ได้อุทธรณ์ข้อกฎหมายว่าโจทก์ทั้งสองมีกรรมสิทธิ์ในเครื่องไฟฟ้าและอุปกรณ์ จำเลยกับพวกไม่มีกรรมสิทธิ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเครื่องไฟฟ้านั้นจำเลยไม่มีกรรมสิทธิ์เพราะมอบให้วัดไปแล้ว โจทก์จึงมิใช่เจ้าของ จำเลยกับพวกจึงมีเหตุอันควรในการแจ้งความดำเนินคดีกับโจทก์ที่ 1 ในข้อหาลักทรัพย์ ซึ่งเห็นได้ว่าศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยข้อกฎหมายในเรื่องกรรมสิทธิ์ในเครื่องไฟฟ้าและอุปกรณ์ กับได้ยกขึ้นมาประกอบในการวินิจฉัย จึงมิใช่ข้อเท็จจริงตามคำสั่งของศาลชั้นต้น โจทก์ทั้งสองย่อมมีสิทธิที่จะฎีกาได้ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ทั้งสองไว้ด้วย
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 62)
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157,172,174,181(1),200 วรรคสอง,206,309,310,340,340 ทวิ,83,86,91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าฟ้องโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 61)
โจทก์ทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 62)

คำสั่ง
ปัญหาที่ว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในเครื่องไฟฟ้าและอุปกรณ์หรือไม่ซึ่งศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเพื่อนำไปสู่ประเด็นที่ว่าจำเลยแจ้งข้อหาลักทรัพย์เอากับโจทก์ทั้งสองโดยมีเหตุอันสมควรเป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาชอบแล้ว ยกคำร้อง

Share