แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 จึงไม่รับ
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์ทุกข้อยอมรับข้อเท็จจริงซึ่งยุติตามที่ศาลล่างทั้งสองได้รับฟัง หาได้โต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลล่างทั้งสองรับฟังมาแต่อย่างใด แต่นำข้อเท็จจริงดังกล่าวขึ้นหารือบทกฎหมายว่า ข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้ย่อมถือได้ว่า การกระทำของจำเลยครบองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พุทธศักราช 2497 มาตรา 3 แล้ว ฎีกาของโจทก์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย มิใช่ข้อเท็จจริงโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 61 แผ่น 4)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พุทธศักราช 2497 มาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์มีมูล ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 58)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 60)
คำสั่ง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์ฎีกาโต้แย้งข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา ชอบแล้ว ยกคำร้อง