แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะโดยกำหนดจำนวนเนื้อที่ดินของแต่ละฝ่ายไว้ แล้วให้เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดตามที่เป็นจริงถ้าฝ่ายใดเกินอีกฝ่ายหนึ่งขาดฝ่ายที่เกินยอมแพ้แต่ปรากฏจากการรังวัดว่าเนื้อที่ดินของจำเลยน้อยกว่าจำนวนที่ท้ากันถึงเกือบหนึ่งในห้าเห็นได้ว่าเนื้อที่ดินอันเป็นตัวตั้งเพื่อหาสัดส่วนเนื้อที่ดินของทั้งสองฝ่ายตามคำท้าผิดไปมากและไม่ตรงตามคำท้าศาลย่อมไม่สามารถที่จะวินิจฉัยชี้ขาดคดีไปตามคำท้าได้คำท้าของโจทก์จำเลยจึงตกไปชอบที่จะต้องดำเนินกระบวนตามประเด็นข้อพิพาทต่อไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 1739 เนื้อที่ 1 งาน 82 9/10 ตารางวา ทิศใต้จดที่ดินของจำเลย เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2519 จำเลยบุกรุกเข้าล้อมรั้วที่ดินของโจทก์ด้านติดกับจำเลย เป็นเนื้อที่ 14 6/10 ตารางวา ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่พิพาท
จำเลยให้การว่า ที่ดินของโจทก์เนื้อที่เพียง 1 งาน 50 ตารางวา เท่านั้น จำเลยมิได้บุกรุกที่ดินของโจทก์ จำเลยครอบครองที่พิพาทกว่า 10 ปีแล้ว หากจะมีการบุกรุกจำเลยก็ได้สิทธิครอบครองโดยชอบ
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ จำเลย ท้ากันว่าให้ถือว่าที่ดินของโจทก์มีเนื้อที่ 350 ตารางวา ของจำเลยมีเนื้อที่ 1 ไร่ 40 ตารางวา แล้วให้เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดที่ดินของทั้งสองฝ่ายตามที่เป็นจริง ถ้าต่างมีเนื้อที่เท่าจำนวนดังกล่าวหรือของโจทกืเกินของจำเลยขาดจำนวนนั้น โจทก์ยอมแพ้ ถ้าของโจทก์ขาดจำนวนไปและของจำเลยเกินจำนวน จำเลยยอมยกส่วนที่เกินให้โจทก์แต่ไม่เกินจำนวนที่โจทก์เรียกร้องตามฟ้อง ถ้าขาดจำนวนไปทั้งสองฝ่ายให้เฉลี่ยกันขาดคนละครึ่ง เจ้าพนักงานที่ดินได้ไปทำการรังวัดและทำแผนที่พิพาทส่งต่อศาลชั้นต้นแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนรั้วและสิ่งปลูกสร้างออกไปโดยให้เนื้อที่ดินโจทก์เพิ่มขึ้น 5 2/10 จากหลักที่ 5 ที่ 6 ตามแผนที่พิพาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏตามคำท้าของโจทก์จำเลยในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นว่า การท้ากันให้ถือเอาจำนวนเนื้อที่ของโจทก์ 350 ตารางวา ของจำเลย1 ไร่ 40 ตารางวาเป็นตัวตั้ง และให้เจ้าพนักงานที่ดินรังวัดที่ดินของทั้งสองฝ่ายตามที่เป็นจริง แต่ปรากฏว่าเนื้อที่ดินของจำเลยน้อยกว่าจำนวนที่ท้ากันถึง 90 ตารางวา เห็นได้ว่า เนื้อที่ดินอันเป็นตัวตั้ง เพื่อหาสัดส่วนเนื้อที่ดินของทั้งสองฝ่ายตามคำท้าผิดไปมากและไม่ตรงตามคำท้า ศาลย่อมไม่สามารถที่จะวินิจฉัยชี้ขาดคดีไปตามคำท้าได้ คำท้าของโจทก์จำเลยจึงตกไป ชอบที่จะต้องดำเนินกระบวนตามประเด็นข้อพิพาทต่อไป
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อพิพากษาใหม่