คำสั่งคำร้องที่ 1406/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงและไม่ได้รับรองจากผู้พิพากษาจึงต้องห้ามมิให้ฎีกา ไม่รับฎีกาของโจทก์
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์ในข้อ 3 และข้อ 4 เป็นฎีกา ในปัญหาข้อกฎหมายซึ่งโจทก์ได้ฎีกาในประเด็นว่า คำให้การของจำเลย ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และเมื่อจำเลย ให้การว่าโจทก์คบคิดกันฉ้อฉล จำเลยต้องนำสืบให้ได้ความด้วยตนเองจำเลยจะนำคำพยานของโจทก์ไปเพื่อให้ศาลรับฟังข้อพิรุธแทนการนำสืบตามหน้าที่ของตนไม่ได้ อันเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่อาจทำให้จำเลยแพ้คดีโจทก์ได้ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ ไว้พิจารณาต่อไป
หมายหตุ จำเลยทั้งสองยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินตามเช็ค จำนวน 141,000 บาทแก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตรา ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2529เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระเสร็จ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 112)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ ศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งศาลฎีกา(อันดับ 117,119)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาข้อ 3 ของโจทก์เป็นฎีกาโต้แย้ง ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อคดีนี้มีทุนทรัพย์ไม่เกินสองแสนบาทจึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคแรก ส่วนฎีกาข้อ 4 ที่ว่าคำให้การของจำเลยที่ 1 ขัดกันเองในตัวไม่มีประเด็นจะนำสืบนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย จึงให้รับฎีกาของโจทก์เฉพาะข้อ 4 ไว้ และให้ศาลชั้นต้น ดำเนินการต่อไป

Share