คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 37/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บุคคลผู้เป็นเจ้าของนามหรือชื่อทางการค้าซึ่งต้องเสื่อมเสียประโยชน์เพราะการที่มีผู้อื่นมาใช้นามหรือ ชื่อทางการค้าเดียวกันโดยมิได้รับอำนาจให้ใช้ จะต้องขอต่อศาล ให้สั่งห้ามมิให้ใช้นามหรือชื่อทางการค้านั้นได้ต่อเมื่อ การใช้นามหรือชื่อทางการค้าดังกล่าว เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายหรือเป็นที่วิตกว่าจะต้องเสียหายอยู่สืบไปด้วยและผู้เป็นเจ้าของนามหรือชื่อทางการค้านั้นมีหน้าที่นำสืบถึงความเสียหายดังกล่าว โจทก์ประกอบกิจการโรงแรมและโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่ากิจการบริการของจำเลยที่ใช้ชื่อทางการค้าของโจทก์ไม่ได้มาตรฐานและทำให้สาธารณชนเสื่อมศรัทธาในกิจการของโจทก์จนเป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียหายและมีรายได้ลดลงหรือไม่อย่างไร แม้การใช้ชื่อการค้าคำว่า REGENTในการประกอบกิจการสถานที่พักตากอากาศของจำเลยอาจทำให้สาธารณชนเข้าใจผิดว่า กิจการของจำเลยเป็นกิจการของโจทก์ แต่เมื่อไม่ปรากฏว่า การกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสื่อมเสียประโยชน์ ต้องเสียหายหรือเป็นที่วิตกว่าจะต้องเสียหายอยู่สืบไป โจทก์จึงไม่อาจขอให้สั่งห้ามจำเลยมิให้ใช้ชื่อทางการค้า คำว่า REGENT ในการประกอบกิจการสถานที่พักตากอากาศของจำเลยดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 18 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดตามกฎหมายฮ่องกง มีสำนักงานจดทะเบียนตั้งอยู่เลขที่ 1515นิวเวิลด์เซนเตอร์ ชั้น 15 ถนนซาลิสเบอรี่ เกาลูน ฮ่องกงมีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการโรงแรม โจทก์มอบอำนาจให้นายประดิษฐ์ สหชัยยันต์ และหรือนายสุวิทย์ พิพัฒนชัยพงศ์มีอำนาจฟ้องร้องคดีแทนโจทก์ได้ โจทก์ดำเนินธุรกิจโรงแรม โดยการบริหารงานโรงแรมซึ่งเป็นของโจทก์เอง หรือโดยรับเป็นผู้จัดการบริหารงานโรงแรมให้บุคคลอื่นโดยเครื่องหมายการค้าและชื่อทางการค้าของโจทก์คือ “REGENT” อ่านว่า “รีเจ้นท์”เป็นที่รู้จักแพร่หลายทั่วโลก มีโรงแรมเปิดดำเนินกิจการในรูปลักษณะข้างต้นในเกือบทุกประเทศทั่วโลก โดยใช้ชื่อว่าREGENTเป็นชื่อหลักประกอบชื่อเมือง ประเทศหรือชื่ออื่น ๆ เช่น โรงแรมThe Regent Melbourne อ่าน เดอะรีเจ้นท์เมลเบอร์นเป็นต้นสำหรับประเทศไทยเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2528 โจทก์ได้จดทะเบียนรับโอนสิทธิในเครื่องหมายการค้าคำว่า “REGENT” อ่าน “รีเจ้นท์”และ “REGENT OF BANBKOK” อ่านว่า “รีเจ้นท์ ออฟ แบงกอก” จากบริษัทรีเจ้นท์ ไทยแลนด์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวครั้งแรกไว้สำหรับสินค้าจำพวกที่ 39 รายการสินค้ากระดาษ เครื่องเขียน และเครื่องเย็บสมุดทั้งจำพวกเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2519 และวันที่ 29 เมษายน 2523 ตามลำดับ โดยโจทก์เป็นผู้จัดการรับผิดชอบเกี่ยวกับการบริหารงานของโรงแรมTHE REGENT OF BANGKOK หรือ THE REGENT BANGKOK ซึ่งโรงแรมดังกล่าวได้รับอนุญาตจากโจทก์ให้ใช้ชื่อและเครื่องหมายการค้าของโจทก์ เมื่อประมาณกลางเดือนธันวาคม 2533 จำเลยได้เปิดดำเนินธุรกิจสถานที่พักตากอากาศและ/หรือโรงแรมขึ้น ณ บริเวณหาดเฉวง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยใช้ชื่อว่าCHAWENG REGENT BEACH RESORT อ่านว่า “เฉวง รีเจ้นท์ บีช รีสอร์ต”นอกจากนี้จำเลยได้จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดชื่อบริษัทเฉวงรีเจ้นท์จำกัด เพื่อดำเนินกิจการดังกล่าวจำเลยได้จงใจนำเอาชื่อ REGENTอันเป็นชื่อในการประกอบการค้าและเครื่องหมายการค้าของโจทก์มาใช้โดยปราศจากสิทธิโดยชอบ ซึ่งอาจทำให้ประชาชนและผู้ประกอบธุรกิจสถานที่พักตากอากาศและ/หรือโรงแรมเข้าใจว่าสถานที่พักตากอากาศและ/หรือโรงแรมของจำเลยเป็นกิจการของโจทก์หรือโจทก์มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ด้วยเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต เป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสื่อมเสียประโยชน์และได้รับความเสียหายและโจทก์จะต้องเสียหายอยู่สืบไปในทางการค้าของโจทก์จนกว่าจำเลยจะเลิกใช้ชื่อ”REGENT” ขอให้บังคับจำเลยเลิกหรือระงับการใช้ชื่อ “REGENT”ของโจทก์ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยกับชื่อสถานที่พักตากอากาศและหรือโรงแรม รถยนต์ สิ่งตีพิมพ์ วัสดุเครื่องใช้ในสถานที่ดังกล่าวและกิจการอื่นของจำเลย ให้จำเลยเก็บบรรดาวัสดุเครื่องใช้สิ่งตีพิมพ์ทั้งหลายที่ปรากฏชื่อ REGENT ซึ่งอยู่ในครอบครองของจำเลยมาทำลายเสียทั้งสิ้น และให้จำเลยเลิกหรือระงับการใช้ชื่อREGENT ของโจทก์ ทั้งในการเขียนและเรียกขานเป็นชื่อบริษัทจำเลยหากจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยให้การว่า คำว่า “REGENT” ในภาษาอังกฤษแปลเป็นภาษาไทยว่า ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เป็นคำที่โจทก์ไม่ได้คิดค้นหรือประดิษฐ์ขึ้นมาเอง แต่เป็นภาษาเขียนและภาษาพูดที่ใช้กันมานานแล้วทั่วโลก คำว่า ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เป็นคำที่มีใช้อยู่ในประเทศที่มีการปกครองซึ่งมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเท่านั้น เช่น ประเทศไทยและประเทศอังกฤษเป็นต้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิกล่าวอ้างหรือใช้คำว่า “REGENT” แต่ผู้เดียว ตัวอักษรอาร์”R”ตามรูปรอยประดิษฐ์เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 5 หาได้มีส่วนเหมือนหรือคล้ายคลึงกันกับเครื่องหมายบริการของจำเลยตามเอกสารท้ายคำให้การจำเลยไม่ จำเลยมิได้เจาะจงใช้คำว่า REGENT เพียงคำเดียวลงในสิ่งพิมพ์ รถยนต์ ภาชนะเครื่องใช้ต่าง ๆ ในสถานพักอากาศของจำเลย ในการดำเนินธุรกิจจำเลยใช้คำว่า CHAWENG REGENT BEACHRESORT และใช้เครื่องหมายบริการรูปประดิษฐ์ลายไทยคล้ายตัวอักษรโรมัน C และ R โจทก์ใช้คำว่า “REGENT” เป็นคำต้นหรือลงท้าย แต่คำว่า “REGENT” ของจำเลยเป็นคำแทรกอยู่ตรงกลางในการประกอบกิจการของจำเลย อีกทั้งการดำเนินกิจการของโจทก์และจำเลยก็ของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดตามกฎหมายฮ่องกง ใช้ชื่อบริษัทรีเจ้นท์ อินเตอร์เนชั่นแนลโฮเทลส์ จำกัด ดำเนินธุรกิจโรงแรมโดยเป็นเจ้าของเอง หรือรับเป็นผู้จัดการบริหารงานโรงแรมให้บุคคลอื่นหรืออนุญาตให้ผู้อื่นใช้ชื่อทางการค้าคำว่า REGENTของโจทก์นำหน้าชื่อโรงแรมในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย สำหรับในประเทศไทยโจทก์เป็นผู้บริหารกิจการโรงแรมชื่อ The Regent of Bangkok Hotel โดยได้รับจ้างจากบริษัทโรงแรมราชดำริ จำกัด เมื่อปี 2528 มีกำหนด 10 ปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2538 และโจทก์เป็นเจ้าของสิทธิในเครื่องหมายการค้าคำว่า REGENT และ REGENT OF BANGKOK โดยได้รับโอนมาจากบริษัทรีเจ้นท์ไทยแลนด์ จำกัด เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2528 และโจทก์เป็นเจ้าของรูปรอยประดิษฐ์อักษรภาษาอังกฤษตัว “R” อยู่ในวงรี และต่อมาเมื่อมีการแก้ไขกฎหมายเครื่องหมายการค้า โจทก์จึงยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายบริการเป็นอักษรประดิษฐ์คำว่าThe Regent อ่านว่า เดอะรีเจ้นท์ และอักษรประดิษฐ์ตัว Rอ่านว่า อาร์ ในวงรี ตามคำขอเอกสารหมาย จ.93 ส่วนจำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ประกอบธุรกิจบริการบ้านพักตากอากาศชายทะเลหรือรีสอร์ตใช้ชื่อว่า CHAWENG REGENT BEACH RESORTอ่านว่า เฉวง รีเจ้นท์ บีช รีสอร์ต
คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ใช้ชื่อทางการค้าอักษรภาษาอังกฤษคำว่า THE REGENT อ่านว่า เดอะรีเจ้นท์ในกิจการโรงแรมในหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทยมาก่อนจำเลยจนมีชื่อเสียงที่เรียกกันว่ากู๊ดวิลล์ (Goodwill) จึงย่อมได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 18 จำเลยมุ่งหวังที่จะใช้คำว่า REGENT ของโจทก์ให้เป็นที่สังเกตในลักษณะชื่อของกิจการเป็นการลวงสาธารณชนให้คิดว่ากิจการของจำเลยเป็นกิจการของโจทก์ หากลูกค้าของโจทก์หรือบุคคลใดก็ตามที่เข้าพักและใช้บริการของจำเลยเห็นว่าบริการของจำเลยไม่ได้มาตรฐานเท่าที่โจทก์ให้บริการอยู่ทั่วโลกย่อมทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียงและมีผลทำให้ลูกค้าของโจทก์ในสาขาอื่นลดน้อยลง ทำให้โจทก์เสียหายขาดรายได้ที่ควรได้รับในส่วนนั้นไปด้วย รวมทั้งสาขากรุงเทพมหานครที่โจทก์บริหารอยู่ด้วย แม้โจทก์ยังไม่มีโรงแรมหรือบ้านพักตากอากาศในเกาะสมุยก็ตาม ปัญหานี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 18 บัญญัติว่า “สิทธิของบุคคลในการที่จะใช้นามอันชอบที่จะใช้ได้นั้น ถ้ามีบุคคลอื่นโต้แย้งก็ดีหรือบุคคลผู้เป็นเจ้าของนามนั้นต้องเสื่อมเสียประโยชน์เพราะการที่มีผู้อื่นมาใช้นามเดียวกันโดยมิได้รับมอบอำนาจให้ใช้ก็ดี บุคคลผู้เป็นเจ้าของนามจะเรียกให้บุคคลนั้นระงับความเสียหายก็ได้ ถ้าและเป็นที่วิตกว่าจะต้องเสียหายอยู่สืบไปจะร้องขอต่อศาลให้สั่งห้ามก็ได้”จากบทบัญญัติดังกล่าวจะเห็นได้ว่า บุคคลผู้เป็นเจ้าของนามหรือชื่อทางการค้าซึ่งต้องเสื่อมเสียประโยชน์เพราะการที่มีผู้อื่นมาใช้นามหรือชื่อทางการค้าเดียวกันโดยมิได้รับอำนาจให้ใช้จะร้องขอต่อศาลให้สั่งห้ามมิให้ใช้นามหรือชื่อทางการค้านั้นได้ต่อเมื่อการใช้นามหรือชื่อทางการค้าดังกล่าวเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายหรือเป็นที่วิตกว่าจะต้องเสียหายอยู่สืบไปด้วย และโจทก์ผู้เป็นเจ้าของนามหรือชื่อทางการค้านั้นมีหน้าที่นำสืบถึงความเสียหายดังกล่าวเกี่ยวกับความเสียหายจากการที่จำเลยใช้คำว่า REGENT ซึ่งเป็นชื่อทางการค้าของโจทก์เป็นส่วนหนึ่งของชื่อสถานบริการของจำเลย ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่า กิจการบริการของจำเลยที่ใช้ชื่อทางการค้าของโจทก์ไม่ได้มาตรฐานและทำให้สาธารณชนเสื่อมศรัทธาในกิจการของโจทก์จนเป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียหายและมีรายได้ลดลงหรือไม่อย่างไรจนเป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียหายและมีรายได้ลดลงหรือไม่อย่างไรแม้จะฟังว่าการใช้ชื่อทางการค้าคำว่า REGENT ของจำเลยอาจทำให้สาธารณชนเข้าใจผิดว่ากิจการของจำเลยเป็นกิจการของโจทก์ แต่เมื่อปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสื่อมเสียประโยชน์ต้องเสียหายหรือเป็นที่วิตกว่าจะต้องเสียหายอยู่สืบไปโจทก์จึงไม่อาจขอให้สั่งห้ามจำเลยมิให้ใช้ชื่อทางการค้าคำว่า REGENT ในการประกอบกิจการสถานที่พักตากอากาศของจำเลยดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 18 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้
พิพากษายืน

Share