แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำการขายถ่าน (ขายปลีก)โดยใช้รถเข็นบรรทุกถ่านไปขายตามสถานที่ต่างๆ เพื่อการค้า เป็นการประกอบกิจการค้าเป็นที่น่ารังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ.2484 มาตรา 8, 68 เทศบัญญัติเทศบาลนครกรุงเทพฯ เรื่องควบคุมการค้าเป็นที่น่ารังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพ(ฉบับที่ 3) 2494 ข้อ 4(40) แต่บทกฎหมายที่โจทก์อ้างทั้งหมดรวมทั้งเทศบัญญัติที่อ้างข้อ 4(40) นั้นระบุถึง ‘การสะสมถ่าน’ จึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายฟ้อง จึงไม่เป็นความผิดเป็นข้อวินิจฉัยของศาลชั้นต้นเท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำการขายถ่าน (ขายปลีก) โดยใช้รถเข็นบรรทุกถ่านไปขายตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อการค้า เป็นการประกอบกิจการค้าเป็นที่น่ารังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพในเขตเทศบาลนครกรุงเทพฯ โดยไม่รับอนุญาต ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติสาธารณสุขพ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๘, ๖๘ เทศบัญญัติเทศบาลนครกรุงเทพฯ เรื่องควบคุมการค้าเป็นที่น่ารังเกียจหรืออาจเป็นอันตรายแก่สุขภาพ (ฉบับที่ ๓)๒๔๙๔ ข้อ ๔(๔๐) และขอให้สั่งจำเลยหยุดประกอบการค้าด้วย
จำเลยให้การรับสารภาพตามข้อหา
ศาลชั้นต้นพิจารณาว่าตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้างทั้งหมด รวมทั้งเทศบัญญัติที่อ้างข้อ ๔(๔๐) นั้นระบุถึง “การสะสมถ่าน” แต่ข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายฟ้องจำเลยเพียงแต่เร่ขายถ่านและขายปลีกเสียด้วย จึงมิใช่การสะสมถ่าน ไม่เป็นผิดตามฟ้องส่วนกฎหมายบังคับผู้เร่ขายอันบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติสาธารณสุข ๒๔๘๔ หมวด ๕ส่วนที่ ๔ นั้นโจทก์มิได้บรรยายและอ้างบทกฎหมาย เท่ากับไม่ประสงค์ให้ลงโทษ ดังนี้ จึงให้ยกฟ้องของโจทก์ปล่อยจำเลยไป
โจทก์อุทธรณ์ว่าการเร่ขายถ่านก็คือการสะสมถ่านอยู่ในตัว
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามถ้อยคำที่บรรยายในฟ้องของโจทก์นั้นเป็นที่เห็นได้ชัดเจนว่าโจทก์กล่าวหาจำเลยเฉพาะในการกระทำที่ทำการเร่ขายถ่านโดยใช้รถบรรทุกไปขายยังที่ต่าง ๆ ในเขตเทศบาลนครกรุงเทพฯโดยไม่รับอนุญาตเท่านั้น ลักษณะถ้อยคำที่บรรยายไม่อาจทำให้เข้าใจได้ว่า โจทก์ฟ้องหาจำเลยถึงการกระทำในการสะสมถ่าน หรือไม่อาจเห็นได้อยู่ในตัวว่า เป็นการฟ้องหาว่าจำเลยทำการสะสมถ่านนั้นด้วย แม้จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องก็ลงโทษจำเลยตามฟ้องนั้นไม่ได้
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์