แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสามฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วเห็นว่ามีทรัพย์สินพอเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ มิได้ยากจนตามคำร้อง จึงให้ยกคำร้องของจำเลยทั้งสาม หากจำเลยทั้งสามประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางภายใน 7 วัน
จำเลยเห็นว่า ตามทางไต่สวนฟังได้ว่าจำเลยทั้งสามเป็นคนยากจนไม่มีเงินหรือทรัพย์สินที่จะขายเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ โปรดมีคำสั่งให้จำเลยทั้งสามดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นฎีกาด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 288 แผ่นที่ 3)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยร่วมกันและแทนกันชำระหนี้ให้แก่โจทก์เป็นเงิน 7,224,624.21 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 12.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 7,224,624.21 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระหนี้หรือชำระหนี้แก่โจทก์ไม่ครบถ้วนให้ยึดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 1ออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้หากยังไม่ครบให้ยึดทรัพย์ของจำเลยทั้งสามออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้แก่โจทก์จนครบจำเลยทั้งสามฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 266,263 และ 279)
จำเลยทั้งสามจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 281 แผ่นที่ 2)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ได้ความตามคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถาของจำเลยทั้งสามและพยานจากการไต่สวนคำร้องว่า จำเลยที่ 1มีที่ดิน 3 แปลง จำเลยที่ 2 มีเครื่องจักรซึ่งติดจำนองโจทก์ในคดีนี้ และจำเลยทั้งสองยังมีรายได้จากการประกอบอาชีพ จำเลยทั้งสามไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดอีกที่แสดงว่าเป็นคนยากจนไม่สามารถเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถาของจำเลยทั้งสามชอบแล้ว ให้ยกคำร้องหากจำเลยทั้งสามประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป ให้นำเงินค่าธรรมเนียมวางต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งนี้