แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บ่ออยู่ในลำรางสาธารณะซึ่งอยู่ติดต่อกับคลอง ระหว่างบ่อกับคลองมีร่องน้ำ ซึ่งร่องน้ำได้เป็นทางให้ปลาในบ่อกับในลำคลองเข้าออกถึงกันได้โดยอิสระ ปลาที่อยู่ในบ่อยังไม่ได้อยู่ในความยึดถือหรือยังไม่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ใด แม้จำเลยจะได้จับเอาปลาไปจากบ่อ การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ (อ้างฎีกาที่ 1006/2475 และ 432/2476)
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันเป็นคนร้ายลักปลาชนิดต่าง ๆ รวมราคา ๕๐๐ บาทของนายคำ มีนิศัย ซึ่งเลี้ยงไว้ในบ่อเลี้ยงปลาไป ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๓๓๕, ๘๓ และให้ใช้หรือคืนราคาทรัพย์ด้วย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานของโจทก์ไม่พอฟังว่านายคำ ผู้เสียหายได้ขุดบ่อปลาและปล่อยปลาไว้ บ่อที่หาว่าจำเลยลักปลานี้อยู่ในลำรางสาธารณะนอกที่นาของผู้เสียหายโดยกำนันขุดไว้เดิม ลำรางนี้ชาวบ้านหาปลากินได้ไม่มีใครหวงห้ามได้ คนหาปลาในลำรางปลาก็วิ่งเข้าบ่อ บ่อนี้มีช่องประมาณ ๒ วาต่อกับคลอง ฤดูน้ำน้ำเข้าออกได้ จะถือว่าปลาในบ่อเป็นของผู้เสียหายไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๒๑๙ และวินิจฉัยข้อกฎหมายต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาจากพยานหลักฐานในสำนวน ข้อเท็จจริงฟังว่า บ่ออยู่ในลำรางสาธารณะซึ่งติดต่อกับคลองลำใด ระหว่างบ่อกับคลองลำใดมีร่องน้ำ ซึ่งร่องน้ำนี้ย่อมเป็นทางให้ปลาในบ่อกับในคลองลำใดเข้าออกถึงกันได้โดยอิสระ ปลาที่อยู่ในบ่อไม่อยู่ในความยึดถือหรือคุ้มครองของนายคำ เพราะปลาอาจออกไปสู่ลำรางและคลองลำใดได้ จึงยังไม่เป็นกรรมสิทธิ์ของนายคำ แม้จำเลยจะได้จับปลาไปจากบ่อดังกล่าวจริง การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๔๓๒/๒๔๗๖ และ ๑๐๐๖/๒๔๗๕ พิพากษายืน