คำสั่งคำร้องที่ 1353/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อไม่อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรกจึงไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมด จำเลยที่ 2 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 2 ข้อ 2 ที่ว่า คดีนี้ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่า โจทก์และจำเลยที่ 1 มีความประสงค์จะทำสัญญากู้ยืมเงินกันแต่กลับทำเป็นสัญญาเช่าซื้อซึ่งเป็นนิติกรรมอำพรางหนังสือสัญญากู้ยืมเงินดังนั้นที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่าไม่เป็นนิติกรรมอำพรางนั้น เป็นการวินิจฉัยคลาดเคลื่อนในการ ปรับข้อกฎหมายให้เข้ากับข้อเท็จจริงที่คู่ความนำสืบรับกันในชั้นพิจารณา เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 2 ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 65) ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองส่งมอบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าหมายเลขเครื่องยนต์ 2 แอล-1598776 หมายเลขเชซซีแอลเอ็น56-0120314หมายเลขทะเบียนม-2798 ราชบุรีในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี หากคืนไม่ได้ให้ร่วมกัน ใช้ราคารถยนต์ 90,000 บาท และให้ใช้ค่าเสียหายเดือนละ2,500 บาท นับแต่วันที่ 1 เมษายน 2535 เป็นต้นไป จนกว่าจะส่งมอบรถคืนหรือชำระราคารถยนต์แก่โจทก์ แต่ให้คิดค่าเสียหายดังกล่าวไม่เกิน 24 เดือน คำขออื่นให้ยก ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 59) จำเลยที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 62)

คำสั่ง จำเลยที่ 2 ไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกัน มาวางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 234 ประกอบด้วยมาตรา 247 ก่อน จึงให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2

Share