คำสั่งคำร้องที่ 132/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า ศาลแรงงานกลางได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาแล้ว แต่เนื่องจากคำพิพากษาของศาลฎีกามีข้อผิดพลาดหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยในอัตราดอกเบี้ย ซึ่งศาลแรงงานกลางให้จำเลยจ่ายในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี แต่ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยจ่ายในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จึงเป็นการเกินคำขอ ส่วนอำนาจที่พิพากษาหรือสั่งเกินคำขอบังคับเพื่อความเป็นธรรมตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 52 เป็นอำนาจของศาลแรงงานกลาง ซึ่งเป็นศาลชั้นต้นเท่านั้น มิได้ให้อำนาจศาลฎีกาที่จะสั่งเกินคำขอได้ ขอศาลฎีกาโปรดแก้คำพิพากษาที่ผิดพลาดหรือผิดหลงดังกล่าวต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ทั้งสี่ยังมิได้รับสำเนาคำร้อง
คดีทั้งสี่สำนวนนี้ ศาลแรงงานกลางรวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกัน โดยเรียกโจทก์ตามลำดับสำนวนว่าโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า10,200 บาท 8,500 บาท 10,200 บาท และ 8,500 บาท ค่าชดเชย 81,600 บาท 25,499 บาท 81,200 บาท และ 25,499 บาท ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม61,200 บาท 12,000 บาท 61,200 บาท และ 17,000 บาท แก่โจทก์ทั้งสี่ตามลำดับและจ่ายค่าจ้างค้างจ่ายแก่โจทก์ทั้งสี่คนละ 3,200 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5ต่อปี ของต้นเงินแต่ละจำนวนนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์แต่ละคน ฯลฯ
จำเลยทั้งสี่สำนวนอุทธรณ์
ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยจ่ายดอกเบี้ยในส่วนค่าจ้างค้างจ่าย และค่าชดเชยร้อยละ 15 ต่อปี แก่โจทก์ทั้งสี่ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง
จำเลยทั้งสี่สำนวนยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 38)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คำพิพากษาศาลฎีการะบุชัดเจนว่า เพื่อความเป็นธรรม ศาลฎีกาเห็นสมควรให้โจทก์ทั้งสี่ได้รับดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ทั้งนี้โดยอาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 52 จำเลยยื่นคำร้องอ้างว่า ศาลฎีกาพิพากษาดังกล่าวผิดพลาดหรือหลงผิด ถือได้ว่าจำเลยยื่นคำร้องโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาของศาลฎีกาซึ่งถึงที่สุดไปแล้ว จึงไม่อาจจะกระทำได้ ยกคำร้อง

Share