คำสั่งคำร้องที่ 1275/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของโจทก์ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและคดีนี้ทุนทรัพย์ไม่เกินสองแสนบาทจึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง ไม่รับฎีกา
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์ในประเด็นที่ว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยสุจริตและชอบด้วยกฎหมาย โจทก์มิได้ฉ้อฉลจำเลย และการยื่นบัญชีระบุพยานของจำเลย เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ล้วนเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ จำเลยทั้งสองต่างยื่นคำแก้อุทธรณ์คำสั่ง(อันดับ 78,77)
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 99,955 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 93,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 73)
โจทก์ยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 75)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกินสองแสนบาทศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจาก นายสุพจน์เพ็ชรตระกูลชาติ เพื่อดำเนินคดีโดยไม่สุจริตเป็นการคบคิดกันฉ้อฉลจำเลย โจทก์ฎีกาว่า ได้รับโอนเช็คมา โดยสุจริต ไม่ได้สมคบกันฉ้อฉลจำเลย จึงเป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริง สำหรับข้อที่ว่า ศาลชั้นต้นรับฟังพยานหลักฐาน จำเลยที่ยื่นฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ก็เป็นการโต้เถียงดุลพินิจ ในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้น จึงเป็นฎีกาข้อเท็จจริงเช่นเดียวกัน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคแรก ที่แก้ไขใหม่ ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้องค่าคำร้องเป็นพับ

Share