คำสั่งคำร้องที่ 1249/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 จึงไม่รับฎีกาของโจทก์
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์มิได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 แต่อย่างใดโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ย ให้แก่โจทก์
คดีอยู่ระหว่างส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย
โจทก์ยื่นคำบอกกล่าวขอถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยทั้งสองยังไม่ได้ยื่นคำให้การ อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลย ทั้งสองได้ จำหน่ายคดีจากสารบบความคืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์ 3 ใน 4 แต่เหลือไม่น้อยกว่า 200 บาท
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นเฉพาะส่วนที่ศาลสั่งคืนค่าขึ้นศาล ให้โจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นการอุทธรณ์ คำสั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมและเป็นการอุทธรณ์ดุลพินิจในการคืน ค่าขึ้นศาล เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง อุทธรณ์โจทก์ จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 168 และ มาตรา 224 ไม่รับอุทธรณ์โจทก์
โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า พิเคราะห์ แล้วอุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ในปัญหาเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม แต่อย่างเดียว โดยมิได้ยกเหตุว่าค่าฤชาธรรมเนียม นั้นมิได้กำหนดหรือคำนวณให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงเป็นอุทธรณ์ ที่ต้องห้ามตามมาตรา 168 แห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ชอบแล้วให้ยกคำร้อง
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 25)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ และศาลชั้นต้นสั่งว่า โจทก์ยื่นอุทธรณ์ คำสั่งเกินกำหนด 10 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง ส่งศาลฎีกา (อันดับ 26)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว โจทก์อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับเรื่อง การคืนค่าฤชาธรรมเนียมนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำ ปฏิเสธของศาลชั้นต้น คำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 ศาลชั้นต้นสั่ง ไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share