แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
สิทธิการเช่าเป็นทรัพย์สินซึ่งมีราคาและถือเอาได้
ผู้ให้เช่า ผู้เช่าเดิมกับผู้เช่าใหม่ตกลงยินยอมกันให้มีผู้เช่าคนใหม่ต่อจากสัญญาเช่าตึกแถวเดิม ผู้เช่าเดิมเลิกสัญญา ดังนี้ เป็นการโอนสิทธิการเช่าชอบด้วยกฎหมายแล้ว
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอเพิกถอนการโอนทรัพย์สินที่ลูกหนี้ ทำระหว่าง 3 ปี ก่อนขอให้ล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 114 ผู้รับโอนมีหน้าที่นำสืบว่าได้ทำโดยสุจริต มีค่าตอบแทน ไม่เหมือนการเพิกถอนการโอนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 237 ซึ่งผู้ขอต้องนำสืบว่าโอนโดยไม่สุจริต
คดีเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอเพิกถอนการโอนเป็นคดีคำขอปลดเปลื้องทุกข์คำนวณเป็นราคาเงินไม่ได้
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนสัญญาเช่าที่ผู้คัดค้านที่ 1 ทำกับผู้คัดค้านที่ 2 ให้กลับเป็นจำเลยที่ 1 เช่าตามเดิม หากกลับคืนไม่ได้ให้ใช้เงิน 400,000บาทแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผู้คัดค้านที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติได้ว่า จำเลยที่ 1 ได้เช่าตึกแถว 4 ชั้น 1 คูหาที่พิพาทจากผู้คัดค้านที่ 1 มาเปิดเป็นร้านตัดเสื้อผ้าชื่อร้าน “เจม่า” สัญญาเช่ามีกำหนด 15 ปีนับแต่วันที่ 15 เมษายน 2515 ได้จดทะเบียนการเช่าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว ต่อมาจำเลยที่ 1 กับผู้คัดค้านที่ 2 ตกลงกันให้ผู้คัดค้านที่ 2 ได้เป็นผู้เช่าตึกแถวพิพาทต่อไปครั้นวันที่ 2 เมษายน 2516 จำเลยที่ 1 ได้ไปทำบันทึกเลิกการเช่ากับผู้คัดค้านที่ 1 ที่เขตธนบุรี และในวันเดียวกันนั้นผู้คัดค้านที่ 1 ก็ทำสัญญาจดทะเบียนให้ผู้คัดค้านที่ 2 เช่าตึกแถวพิพาทมีกำหนด 14 ปีนับแต่วันนั้น ในการนี้ผู้คัดค้านที่ 2 ได้เสียค่าตอบแทนให้จำเลยที่ 1 ไปเป็นเงิน 410,000 บาท
ผู้คัดค้านที่ 2 ฎีกาในประการแรกว่า กรณีของผู้คัดค้านที่ 2 ตามข้อเท็จจริงที่กล่าวไว้ข้างต้นถือไม่ได้เลยว่าเป็นเรื่องโอนสิทธิการเช่าเนื่องจากสิทธิการเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัวจะโอนกันไม่ได้ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าการที่จำเลยที่ 1 กับผู้คัดค้านที่ 2 ตกลงกันให้ผู้คัดค้านที่ 2 ได้เป็นผู้เช่าตึกแถวพิพาทต่อจากจำเลยที่ 1 และเพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงดังกล่าวจำเลยที่ 1 จึงได้ทำบันทึกยอมเลิกสัญญาเช่ากับผู้คัดค้านที่ 1 แล้ว ผู้คัดค้านที่ 1 จึงได้ทำสัญญาให้ผู้คัดค้านที่ 2 ได้เป็นผู้เช่าตึกแถวพิพาทต่อไปตามที่จำเลยที่ 1 กับผู้คัดค้านที่ 2 ตกลงกัน ย่อมถือได้ว่าเป็นการโอนสิทธิการเช่าจากจำเลยที่ 1 มายังผู้คัดค้านที่ 2 แล้ว สิทธิการเช่าเป็นทรัพย์สินซึ่งอาจมีราคาได้และถือเอาได้ เมื่อการโอนสิทธิการเช่ารายนี้ได้กระทำกันโดยผู้ให้เช่าผู้เช่าเดิมและผู้เช่าใหม่ตกลงยินยอมกัน สิทธิการเช่ารายนี้ก็ย่อมโอนกันได้โดยชอบด้วยกฎหมาย” ฯลฯ
“คดีนี้เป็นกรณีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอศาลให้มีคำสั่งเพิกถอนการโอนทรัพย์สินซึ่งลูกหนี้ได้กระทำในระหว่างระยะเวลา 3 ปีก่อนมีการขอให้ล้มละลาย ซึ่งกรณีดังกล่าวนี้ตามมาตรา 114 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 บัญญัติให้ศาลมีอำนาจสั่งเพิกถอนการโอนนั้นได้ เว้นแต่ผู้รับโอนจะแสดงให้พอใจศาลว่าการโอนนั้นได้กระทำโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนตามบทบัญญัติดังกล่าวผู้รับโอนมีหน้าที่จะต้องนำพยานหลักฐานมาสืบแสดงได้ให้ความว่าการโอนได้กระทำโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ต้องนำสืบแสดงความไม่สุจริตของผู้รับโอนเหมือนดังกรณีขอเพิกถอนการฉ้อฉลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237ซึ่งผู้ขอจะต้องนำสืบแสดงว่าการโอนไม่สุจริตและทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบศาลฎีกาเห็นว่าตามข้อนำสืบของผู้คัดค้านที่ 2 ดังกล่าวข้างต้นไม่สามารถแสดงให้พอใจศาลว่าการโอนรายนี้ได้กระทำโดยสุจริต ตามข้อนำสืบของผู้คัดค้านที่ 2 กลับส่อแสดงว่าผู้คัดค้านที่ 2 รับโอนสิทธิการเช่ารายนี้โดยรู้อยู่ว่าจำเลยที่ 1 มีหนี้สินล้นพ้นตัวอันเป็นการรับโอนโดยไม่สุจริต ศาลจึงมีอำนาจสั่งเพิกถอนการโอนรายนี้ได้” ฯลฯ
“ผู้คัดค้านที่ 2 ฎีกาในประการสุดท้ายว่า คดีนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เสนอคดีโดยทำเป็นคำร้อง ต้องถือว่าเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ขอให้ศาลฎีกาสั่งคืนค่าธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ฎีกาที่เสียเกินให้ผู้คัดค้านที่ 2 ด้วย ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอให้เพิกถอนการโอนนั้นถือว่าเป็นคดีที่ฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้คู่ความไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1216/2522 คดีระหว่าง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผู้ร้อง นายยุกต์ พันธ์พัฒนาศิลป์ ผู้คัดค้าน ดังนั้นในคดีนี้ผู้คัดค้านที่ 2 จึงไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาอย่างคดีมีทุนทรัพย์ ฎีกาผู้คัดค้านที่ 2ในข้อนี้ฟังขึ้น
พิพากษายืน แต่ให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาที่ผู้คัดค้านที่ 2 เสียมาอย่างคดีมีทุนทรัพย์ คงเรียกไว้แต่อย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ทั้งสองศาลค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ”