คำสั่งคำร้องที่ 1237/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ร่วมที่ 1 ที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ร่วมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218,219 ไม่รับฎีกาโจทก์ร่วม
โจทก์ร่วมที่ 1 ที่ 2 เห็นว่า ฎีกาของโจทก์ร่วมทั้งสองเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยประมาทหรือไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ร่วมทั้งสองไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว หรือไม่
ระหว่างพิจารณา ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้น อนุญาต
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300,390 ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 1 ปี และปรับ 3,000 บาท เนื่องจากมีเหตุบรรเทาโทษ จึงลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 8 เดือน และปรับ 2,000 บาท ฯลฯ โทษจำคุกให้รอการลงโทษ ไว้มีกำหนด 1 ปี ฯลฯ
โจทก์ร่วมที่ 1 ที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 41)
โจทก์ร่วมที่ 1 ที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 42)

คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยขับรถด้วยความเร็วสูง เมื่อถึง ทางโค้งก็มิได้ชะลอความเร็วลง เป็นเหตุให้ชนรถจักรยานยนต์ ของโจทก์ร่วมทั้งสองซึ่งแล่นอยู่ข้างหน้าถือได้ว่าจำเลยกระทำ โดยปราศจากความระมัดระวัง ดังนั้นการที่โจทก์ร่วมทั้งสองฎีกา โดยยกเหตุผลขึ้นอ้างเพื่อให้ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยขับรถด้วย ความเร็วสูงพุ่งชนโจทก์ร่วมทั้งสองโดยไม่ได้เหยียบห้ามล้อ ประกอบกับจำเลยกับโจทก์ร่วมทั้งสองมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน พฤติการณ์ของจำเลยถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาขับรถชนโจทก์ร่วม ทั้งสองโดยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วมทั้งสอง จึงเป็นฎีกาโต้แย้ง ดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ในการฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวนจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ย่อมต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของโจทก์ร่วมทั้งสองชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share