แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นได้กำหนดให้โจทก์นำเงินค่าขึ้นศาลเพิ่มมาชำระก่อนวันที่ 26 มกราคม 2509 และให้นัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 16 มีนาคม 2509. วันที่ 1 มีนาคม 2509 โจทก์ขอเลื่อนสืบพยานและศาลอนุญาต. การที่ศาลอนุญาตให้เลื่อนสืบพยานไปก็ดี. เลื่อนนัดพร้อมไปก็ดี มิได้หมายถึงให้เลื่อนการชำระเงินค่าขึ้นศาลเพิ่มด้วย. เมื่อโจทก์เพิกเฉยไม่นำเงินค่าขึ้นศาลเพิ่มมาชำระต่อศาลภายในเวลาที่ศาลได้กำหนดไว้. โดยโจทก์ทราบคำสั่งแล้ว จึงถือได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2).
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นเจ้าของมีสิทธิครอบครองที่พิพาท จำเลยต่อสู้ว่าเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน และฟ้องแย้งให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของราชพัสดุ วันชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นจดรายงานไว้ว่า จำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์เป็นคดีมีทุนทรัพย์ โจทก์จำเลยตีราคาที่พิพาท 6,000 บาท ศาลจึงสั่งให้โจทก์นำเงินค่าขึ้นศาลที่เพิ่มขึ้นมาชำระก่อนวันพิจารณาวันที่ 26 มกราคม 2509 ครั้นวันที่ 26 เมษายน 2509 ซึ่งเป็นวันนัดพร้อมเพื่อปรองดองแต่ไม่มีทางตกลงประนีประนอมยอมความกันได้ศาลจึงได้จดรายงานว่า ตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 9 ธันวาคม2508 ศาลสั่งให้โจทก์นำเงินค่าขึ้นศาลที่เพิ่มมาชำระต่อศาล ก่อนวันที่ 16 มีนาคม 2509 (น่าจะเป็น 26 ม.ค. 2509) คู่ความได้ทราบคำสั่งแล้ว เวลาล่วงเลยมาจนถึงบัดนี้ก็ยังมิได้นำเงินดังกล่าวมาชำระต่อศาล จึงถือว่าคู่ความเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลกำหนดตามมาตรา 174(2) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งจึงให้จำหน่ายคดี โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาพิเคราะห์เห็นว่า ตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่9 ธันวาคม 2508 ศาลชั้นต้นได้กำหนดให้โจทก์นำเงินค่าขึ้นศาลเพิ่มมาชำระก่อนวันที่ 26 มกราคม 2509 และให้นัดสืบพยานโจทก์ไปวันที่16 มีนาคม 2509 โจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนการพิจารณา อันเป็นเวลาภายหลังที่ศาลได้กำหนดให้โจทก์นำเงินค่าขึ้นศาลเพิ่มมาชำระแล้วถึงเดือนเศษ ฉะนั้น โจทก์จะมาอ้างว่าเข้าใจว่าศาลได้เลื่อนการชำระเงินค่าขึ้นศาลเพิ่มให้โดยปริยายจึงฟังไม่ขึ้น เพราะโจทก์ได้เพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลมาก่อนแล้ว การที่ศาลอนุญาตให้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์ก็ดีเลื่อนไปนัดพร้อมก็ดี มิได้หมายถึงให้เลื่อนการชำระเงินค่าขึ้นศาลเพิ่มด้วยทั้งเป็นคนละเรื่อง เมื่อโจทก์เพิกเฉยไม่นำเงินค่าขึ้นศาลเพิ่มมาชำระต่อศาลภายในเวลาที่ศาลกำหนดโดยโจทก์ได้ทราบคำสั่งศาลดังกล่าวแล้วจึงถือได้ว่า เป็นการที่โจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)พิพากษายืน.