แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้าม ไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาที่ว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุนว่าจำเลยได้รถยนต์ของผู้เสียหายมาอย่างไร จึงเป็นข้อพิรุธนั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่ต้องนำสืบเพื่อพิสูจน์ความผิดจำเลย เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลย ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 187)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก วางโทษจำคุก 4 ปี
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 181)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 183)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าคดีนี้ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยรับไว้และช่วยจำหน่ายรถยนต์ของผู้เสียหายโดยรู้อยู่ว่าเป็น ทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยฎีกา มาเป็นสำคัญว่านอกจากโจทก์สืบฟังไม่ได้ว่าจำเลยรับรถยนต์ ของผู้เสียหายมาอย่างไรแล้ว ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยรู้ว่า เป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ด้วยดังนี้ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามบทมาตราดังกล่าว ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาจำเลยชอบแล้วให้ยกคำร้อง