แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า เนื่องจากคดีนี้จำเลยที่ 1 มิได้เป็นผู้กระทำความผิดแต่ถูกปรักปรำ ประกอบกับจำเลยที่ 1 มีฐานะยากจน ไม่มีหลักทรัพย์ที่จะยื่นประกันตัวต่อศาลได้ จึงทำให้ครอบครัวของจำเลยที่ 1ต้องได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เพราะจำเลยที่ 1 มีภาระต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรและภรรยา โดยเฉพาะบุตรของจำเลยที่ 1นั้นยังเล็กและกำลังอยู่ในวัยเล่าเรียนเมื่อขาดผู้อุปการะส่งเสียจึงต้องหยุดพักการเรียน ส่วนภรรยาก็มีโรคประจำตัวไม่สามารถจะช่วยเหลือทั้งตนเองและบุตรได้ อีกทั้งญาติพี่น้องแต่ละคนก็ยากจนไม่สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลได้เช่นกัน จึงขอศาลฎีกาได้โปรดพิจารณาพิพากษาคดีให้สิ้นสุดโดยเร็วด้วย
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(7)(12) วรรคสามและวรรคสี่ลงโทษจำคุกคนละ 8 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนและในชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้จำเลยที่ 1 หนึ่งในสี่ส่วนและลดโทษให้จำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 ปีจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 4 ปี นับโทษของจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษในคดีอาญา หมายเลขดำที่ 960/2529 หมายเลขแดงที่ 15/2530 ของศาลนี้และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคากระบือเป็นจำนวนเงิน20,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 แต่ให้ขังจำเลยที่ 1 ไว้ระหว่างฎีกา นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 46)
คำสั่ง
จะเร่งรัดการพิจารณาพิพากษาให้ตามควรแก่กรณี