คำสั่งคำร้องที่ 1204/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีนี้เป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้เมื่อคดีมีทุนทรัพย์เพียง 100,000 บาท และฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาข้อเท็จจริงจึงไม่รับฎีกาของโจทก์
โจทก์เห็นว่า ฎีกาที่ว่าบ้านพิพาททั้งสามหลังซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินของโจทก์นั้นเป็นส่วนควบกับที่ดินหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์ด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสามได้รับสำเนาคำร้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าพินัยกรรมฉบับลงวันที่17 มีนาคม 2529 ซึ่งจำเลยทั้งสามนำมาอ้างนั้นเป็นโมฆะห้ามมิให้จำเลยทั้งสามเข้ามาเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินในส่วนที่เป็นของโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 110)
โจทก์ยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 111)

คำสั่ง
โจทก์ฟ้องอ้างว่า ได้รับมรดกที่ดินโฉนดเลขที่ 12166พร้อมบ้าน 3 หลังมาจากบิดา บ้านทั้งสามหลังจึงเป็นทรัพย์สินของโจทก์ แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 12166 นายเพ็ชรและนางเทียม ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันตามอัตราส่วนบ้าน 3 หลังที่ปลูกในที่ดินดังกล่าวเป็นสินสมรสระหว่าง นายเพ็ชรและนางเทียม เมื่อนายเพ็ชรถึงแก่กรรมโจทก์ได้รับมรดกที่ดินเฉพาะส่วนของนายเพ็ชร ส่วนบ้าน 3 หลัง นางเทียมเป็นฝ่ายครอบครองเก็บค่าเช่าคนเดียวเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว ไม่มีทายาทคนใดคัดค้าน พฤติการณ์เห็นได้ว่าทายาทยินยอมให้ตกเป็นของนางเทียมคนเดียวไม่เป็นทรัพย์สินของโจทก์ และวินิจฉัยเกินเลยไปด้วยว่าบ้านทั้งสามหลังไม่เป็นส่วนควบของที่ดินที่โจทก์รับมรดกมา อันเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นแห่งคดีโจทก์ก็จะฎีกาโต้แย้งว่า บ้านทั้งสามหลังดังกล่าวปลูกอยู่ในที่ดินที่โจทก์ได้รับมรดกมาจึงเป็นส่วนควบของที่ดินหาได้ไม่เพราะเป็นฎีกานอกประเด็นแห่งคดี ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของโจทก์ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ให้ยกคำร้อง

Share