แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่าเป็นอุทธรณ์ ในปัญหาข้อเท็จจริง ไม่รับอุทธรณ์
โจทก์เห็นว่า การวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางขัดต่อ เจตนา หรือความประสงค์ของโจทก์และจำเลยตามเอกสารหมาย ล.2 และขัดต่อ กฎหมายวิธีสบัญญัติอันเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ของประชาชน โดยหยิบยกเอาข้อเท็จจริงนอกสำนวนมาตัดสินคดีของ โจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ทั้ง ๆ ที่ จำเลยไม่ได้นำ ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยมาสืบและหรือแสดงต่อศาล แต่อย่างใด ว่ากรณีการกระทำอย่างใดเป็นกรณีร้ายแรง แต่ศาลแรงงานกลางกลับตัดสินคดีว่าการกระทำของโจทก์เป็นการกระทำ ที่ผิดข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยอย่างร้ายแรง การที่ จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่ได้กระทำผิดอย่างร้ายแรง จำเลยจะต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ให้โจทก์ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน อันเป็นกฎหมายเกี่ยวกับ ความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่จำเลยหาได้จ่ายเงินดังกล่าวไม่ อุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย ไม่ใช่อุทธรณ์ ในปัญหาข้อเท็จจริง เพราะข้อเท็จจริงเป็นอันยุติแล้วตาม เอกสารหมายเลข ล.2 โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้ พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 56)
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าว ล่วงหน้าและค่าชดเชยให้แก่โจทก์
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าว(อันดับ 50)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 54)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าโจทก์ ฉีกตั๋วโดยสารไม่ตรงกับจำนวนเงินที่ได้รับ เป็นการเบียดบัง ค่าโดยสารของจำเลยซึ่งมีความหมายว่าโจทก์ทุจริตที่โจทก์อุทธรณ์ ว่าไม่ได้ทุจริต เป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริง ส่วนที่อุทธรณ์ว่า ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าโจทก์ทำผิดระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับ การทำงานเป็นกรณีร้ายแรงโดยจำเลยไม่ได้อ้างส่งระเบียบข้อบังคับ ซึ่งเป็นการไม่ชอบและการกระทำของโจทก์มิใช่กรณีร้ายแรงนั้น เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง เป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริงเช่นกันต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 54 ที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ชอบแล้ว ยกคำร้อง อุทธรณ์คำสั่ง