คำสั่งคำร้องที่ 1183/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าฎีกาของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ในข้อ 2(ก) และ (1) ล้วนแต่เป็น ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น คดีนี้ทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขใหม่จึงไม่รับฎีกาจำเลยที่ 2 และที่ 3
จำเลยที่ 2 และที่ 3 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ข้อ (2) ก. ที่ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องเอกสารหมาย จ.1 มิใช่หนังสือมอบอำนาจที่แท้จริงเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ทั้งจำเลยที่ 2 และที่ 3 ก็ได้ยกขึ้นมาโต้เถียงในศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ด้วยแล้ว จึงหาได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 แต่อย่างใดโปรดรับฎีกาของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ร่วมกัน ใช้ค่าเสียหายจำนวน 104,380 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ย ในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 79,321 บาท นับถัด จากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 151)
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ยื่นคำร้องนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลตาม เวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด แต่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่นำเงินหรือ หลักประกันดังกล่าวมาวางศาลภายในกำหนด (อันดับ 154,156)

คำสั่ง
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือ หาประกันมาวางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ก่อน จึงให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 และที่ 3

Share