คำสั่งคำร้องที่ 1166/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นการโต้เถียงการรับฟังพยานหลักฐานเป็นปัญหาข้อเท็จจริงและคดีมีทุนทรัพย์พิพาทไม่เกิน 200,000 บาท ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248จึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ จึงไม่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสอง และ ฎีกาของจำเลยก็เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฎหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้อง แล้วหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับว่าที่ดินตาม น.ส.3 เลขที่ 36 หมู่ที่ 17 ตำบลอิสาน อำเภอเมืองบุรีรัมย์ เนื้อที่ 3 ไร่1 งาน 63 ตารางวาเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องอีกต่อไปและให้จำเลยไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ อำเภอบุรีรัมย์ขอเพิกถอน น.ส.3 ก. เลขที่ 749 ตำบลอิสาน อำเภอเมืองบุรีรัมย์เฉพาะส่วนที่ออกทับที่ดินของโจทก์ตาม น.ส.3 ดังกล่าวข้างต้นหากไม่ปฎิบัติ ตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนา
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 76)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 80)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้มีประเด็นสำคัญว่า จำเลยออก น.ส. 3 ก. ทับที่พิพาท และแย่งการครอบครองที่พิพาทนานเกินหนึ่งปีแล้ว หรือไม่ จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์มิใช่คดีฟ้องขอปลดเปลื้องทุกข์ อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ และที่พิพาทมีราคาเพียง 10,000 บาท จึงต้องห้ามคู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก ฎีกาจำเลยเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 1 มิใช่ฎีกาข้อกฎหมาย ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับชอบแล้วให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ

Share