แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งว่า พิเคราะห์คำร้องขออนาถาพยานผู้ขอประกอบกับโจทก์ไม่นำพยานมาสืบหักล้างข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ผู้ขอมีรายได้จากการค้าขายเดือนละ 3,000-6,000 บาทแต่ค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกาเป็นเงินเพียง 1,602.50 บาท ทั้งปรากฏว่าผู้ขอได้ยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์มาครั้งหนึ่งแล้ว ผู้ขอไม่ติดใจไต่สวนคำร้อง นำเงินค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์มาวางศาลแล้ว แสดงให้เห็นว่าผู้ขอยังมีเงินพอเสียค่าธรรมเนียมศาลผู้ขอมิได้ยากจนจริง ให้ยกคำร้องของผู้ขอเสียจำเลยเห็นว่า ในชั้นอุทธรณ์นั้น จำเลยยังมีเงินพอที่จะมาวางศาลได้ แต่ปัจจุบันนี้จำเลยเป็นคนยากจนจริง ไม่มีความสามารถหาเงินได้อย่างแต่ก่อน การค้าของจำเลยกับสามีล้มเหลวต้องถูกเจ้าหนี้ฟ้องทั้งคดีแพ่งและคดีอาญาหลายคดี ตัวจำเลยเองก็ถูกจำคุกมาแล้วหากจำเลยมีเงินก็คงไม่ต้องถูกจำคุก ที่ศาลวินิจฉัยว่าจำเลยมีรายได้จากการค้าขายเดือนละ 3,000-6,000 บาทนั้น ความจริงเป็นเงินได้ที่ยังไม่ได้หักต้นทุน ซึ่งเมื่อหักต้นทุนออกแล้วก็จะได้กำไรวันละไม่กี่บาทไม่พอกับค่าใช้จ่าย นอกจากนี้จำเลยและสามียังต้องส่งเสียให้การศึกษาบุตรอีก 3 คน ซึ่งคนโตเรียนที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นต้องใช้เงินจำนวนมาก อีกทั้งคดีนี้โจทก์มิได้นำพยานหลักฐานมาสืบหักล้าง คดีย่อมฟังได้ตามที่จำเลยนำสืบมาว่าจำเลยเป็นคนยากจนจริงโปรดมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยฎีกาอย่างคนอนาถาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 70)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 64,065 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินจำนวน60,000 บาท นับถัดจากวันฟ้อง เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์
จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องดังกล่าว (อันดับ 55,54,65)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 67)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าตามทางไต่สวน ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนยากจนถึงกับไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมชั้นฎีกา ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ฎีกาอย่างคนอนาถานั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย หากจำเลยยังติดใจฎีกาคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ก็ให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 10 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งนี้